โดย..สมาน สุดโต 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำสรง และผ้าไตร พร้อมเครื่องสักการะ แด่พระพรหมวชิรนายก(โอภาส นิรุตติเมธี) เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 91 ปี วันที่ 5 มกราคม 2568 ณ วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร จังหวัดนครราชสีมา

พระพรหมวชิรนายก (โอภาส นิรุตติเมธี ป.ธ.6 พธ.ด.กิตติมศักดิ์) พระราชาเจ้าคณะรอง เจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดนครราชสีมา เกิดวันที่ 5 มกราคม 2477 ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนคราชสีมา 

การจัดงานอายุวัฒนมงคล 91 ปี นั้น คณะศิษย์จัดแยก 2 วัด คือการปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชาระหว่างวันที่ 2-3-4 มกราคม จัดที่วัดพระธรรมวรนายก อ.ปักธงชัย จังหวัดนครนครราชสีมา เป็นวัดที่หลวงพ่อสร้างเป็นที่ระลึกที่ตำบลบ้านเกิด  และจัดที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหารที่หลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาส เพื่อรับน้ำสรงพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตามประวัติ ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ม12 ปีพ.ศ. 2489 ที่วัดตะกรุด ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด

สอบได้ เปรียญธรรม 3 ประโยค จากนั้นได้ย้ายมาอยู่วัดทองนพคุณ สำนักเรียนดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร

พ.ศ. 2497 อุปสมบทที่วัดทองนพคุณ คลองสาน โดยมีพระสังวรวิมล วัดทองนพคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ 

เรียนบาลีวัดทองนพคุณสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค เมื่อ พ.ศ. 2498 

ครั้นถึงพ.ศ.2500 ย้ายกลับไปช่วยงานอาจารย์และคณะสงฆ์ที่จังหวัดนครราชสีมา  โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพรหมราชเมิ่อ พ.ศ. 2507 และเจ้าคณะอำเภอ ปักธงชัย  พ.ศ.2509 และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด พ.ศ. 2519 ขณะที่มีอายุ 42 ปี  จนถึง พ.ศ.2557 อายุ 80 ปี เกษียณอายุ รวมเวลาในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด 38 ปี แต่มหาเถรสมาคมยังเล็งเห็นความสำคัญและศักยภาพสูง จึงตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 

การดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดยาวนาน 38 ปี จึงเป็นความภาคภูมิใจของท่านที่หาใครลบสถิติได้ยาก

ส่วนสมณศักดิ์ เมื่อ พ.ศ.2565 รับการสถาปนาเป็นเจ้าคณะชั้นหิรัญบัตรที่ พระพรหมวชิรนายก

ในด้านการต่างประเทศ โดยเฉพาะอินเดียนั้น ต้องบอกว่าท่านมีบทบาทสูงมากในการส่งเสริมนำพระพุทธศาสนากลับไปสู่แดนพุทธภูมิ โดยช่วยสร้างวัดและอุปสมบทกุลบุตรไทยจำนวนมาก เช่นช่วยให้เกิดวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ  สนับสนุนสร้างวัดไทยสิริราชคฤห์ อินเดีย ช่วยสร้างวัดเชตวันมหาวิหารที่เมืองสาวัตถี

หลวงพ่อรักที่จะไปสังเวชนียสถานอินเดียแม้ชราภาพนั่งวีลแชร์ แต่จะเกิดพลังหากเดินทางไปอินเดียโดยเฉพาะไปเป็นประธานสวดมนต์ ไหว้พระและการประชุมต่างๆ ในโครงการธรรมยาตราที่สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ซึ่งมีคุณศุภชัย วีระภุชงค์ เป็นเลขาธิการ จัดขึ้น

พระเดชพระคุณเป็นผู้มีชื่อเสียงในการแสดงธรรมและบรรยายธรรมนานหลายชั่วโมงติดต่อกันโดยไม่เหนื่อยพร้อมทั้งมีข้อธรรมพรั่งพรู ไหลลื่นตลอด ทำให้ผู้ที่ติดในรถ เพราะรถติดในระหว่างเดินทางในอินเดียมีความสุข จนผู้อยู่ในรถลืมว่ารถติดนานมากแล้ว

ไม่ใช่แค่เดินทางเท่านั้น แต่หลวงพ่อสะสมความรู้เกี่ยวกับอินเดียและพุทธประวัติตลอดเวลา  ซึ่งเคยมีลูกศิษย์ที่รับใช้ใกล้ชิดบอกว่า หลวงพ่อมีความรู้และประสบการณ์ในประเทศอินเดียมาก ราวกับวิทยุทรานซิสเตอร์ เปิดคลื่นไหน เวลาอะไร อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอินเดีย ถามได้ทุกคลื่น ทุกเวลาท่านตอบได้ทุกเรื่อง

ท่านจึงเป็นพระเถระรัตตัญญูโดยแท้