"สุดารัตน์" ชี้ ไทยเผชิญ 3 ความเสี่ยง ยุคทรัมป์ 2.0 จี้ ถามรัฐบาลเตรียมความพร้อมรับมืออย่างไร ทั้งเรื่องภาษี กระทบการส่งออก ปัญหาสินค้าต่างชาติจะทะลักเข้าไทยเพิ่ม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เผย ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบทางการเมือง และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระเบียบการค้าของโลก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเห็นว่า ทรัมป์ 2.0 ไทยจะต้องเผชิญกับความเสี่ยง อย่างน้อย3 ประการคือ
1) ความเสี่ยงแรก การขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศไทย โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ในฐานะผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ ได้ประกาศไปก่อนหน้าว่า นอกจากประเทศจีน เม็กซิโก แคนนาดา เขายังมีแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศ อื่นๆอีก 10-20% ที่สหรัฐขาดดุล ดังนั้นไทยอาจตกอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1ของไทย มีสัดส่วนถึง 18.05% ของการส่งออกทั้งหมด
ซึ่งในปี 2566 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐมูลค่า 1,005,418 ล้านบาท และประเทศไทยก็เกินดุลการค้ากับสหรัฐมาโดยตลอดไทยจึงเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการจะตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลสหรัฐฯ และการเจรจาทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปยังนายกฯ และรัฐบาลไทยว่าได้เตรียมการอย่างไร จะเจรจากับสหรัฐฯเพื่อไม่ให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีสูงขึ้นในการส่งสินค้าเข้าไปขายในสหรัฐอเมริกาอย่างไร ที่ไทยจะไม่เสียเปรียบ
2) ความเสี่ยงประการที่สอง คือประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกีดกันสินค้าจากจีน โดยคาดการณ์ว่าอาจเตรียมขึ้นภาษี20%ถึง 60% ดังนั้น เมื่อสินค้าจากจีนเข้าไปขายในสหรัฐไม่ได้ แต่กำลังการผลิตจีนเหลือ จึงต้องการหาที่ระบายสินค้าออกต่างประเทศดังนั้นไทยจึงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหา 2 เด้งคือ สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้น และสินค้าไทยจะเข้าไปขายในจีนก็ยากขึ้นด้วย
รัฐบาลไทย จะมีมาตรการอย่างไรในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสินค้านำเข้า ให้เป็นไปตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการไทยต้องเสียเปรียบ รวมทั้งต้องเร่งเตรียมพร้อม ให้ผู้ประกอบการไทย ทั้งเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี ความรู้ที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอะไรคือจุดแข็งของสินค้าไทยที่จะไปบุกตลาดจีน ที่มีประชากรถึง 1,400 ล้านคนได้ รัฐบาลต้องพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสของสินค้าไทยในการบุกตลาดทั้งของจีนและอเมริกา
3) ความเสี่ยงประการที่สาม ตลาดโลกจะหดตัวลงจากมาตรการสงครามการค้าของสหรัฐ กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ผนวกกับสงครามจริง เพราะฉะนั้นสินค้าไทยจะไปขายตลาดอื่นๆก็ไม่ง่าย รัฐบาลจะช่วยผู้ส่งออกไทยส่งสินค้าไปขยายตลาดใหม่ๆอย่างไรบ้าง มีแผนและมาตรการแล้วหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังตั้งคำถามถึงผู้มีอำนาจว่า รัฐบาลมีความพร้อมเพียงใด ขอให้รัฐบาลใส่ใจ ปัญหาที่กำลังจะมาถึงเหล่านี้อย่างจริงจัง และเร่งหามาตรการรับมือผลกระทบจากปรากฏการณ์ทรัมป์ 2.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพราะเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้อง เตรียมการล่วงหน้า หากขาดความพร้อม ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่ได้ผลปี 2568 ก็อาจจะกลายเป็นปีที่ประเทศไทย พี่น้องคนไทย ต้องเผชิญกับความผันผวนและวิกฤตทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดอีกครั้ง