บอร์ด สปสช. รับทราบ “ความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 9 สายพันธุ์” ทยอยส่งมอบวัคซีนฯ ครบ 773,500 โดสในปีนี้ พร้อมกำหนด ธ.ค. นี้ เริ่มฉีดวัคซีนฯ ให้เด็กหญิงชั้น ป.5 ทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เผย การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นบริการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะโรคที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคดังกล่าว ที่ผ่านมาจึงมีสิทธิประโยชน์บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปาดมดลูก (HPV Vaccine) มาอย่างต่อเนื่องตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อฉีดให้กับเด็กหญิงชั้นประถมปีที่ 5 (ป.5) และต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีมติรับทราบความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ เพื่อบริหารจัดการเป็นสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กหญิง ป.5 ปีการศึกษา 2567 นำเสนอโดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการ สปสช. จึงมีการประสานแจ้งแผนความต้องการวัคซีนไปยังเครือข่ายหน่วยบริการด้านยาฯ โรงพยาบาลราชวิถี และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อดำเนินการจัดหาวัคซีนต่อไป
สำหรับรายละเอียดการทำสัญญาดังกล่าวของ อภ. มีแผนในการส่งมอบวัคซีน 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ส่งมอบวัคซีน 1 แสนโดส ในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะทำการตรวจคุณภาพและมาตรฐาน ระยะที่ 2 ส่งมอบวัคซีน 3 แสนโดส ภายในวันที่ 15 ธันวาคม และระยะที่ 3 ส่งมอบวัคซีน 373,500 โดส ภายในวันที่ 31 ธันวาคม รวมทั้งหมดจะได้รับวัคซีน 773,500 โดส ที่พร้อมฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในระหว่างนี้ ทาง สปสช. จะทำการสำรวจกลุ่มเป้าหมายเด็กหญิง ป. 5 ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ทางกรมควบคุมโรคจะจัดทำแผนกระจายวัคซีน และแนวทางการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ และจะมีการคิกออฟเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ ได้ก่อนสิ้นเดือนธันวาคมตามแผนจะฉีดวัคซีนนี้ ให้กลุ่มเป้าหมายแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2568
“การคิกออฟฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่แรก เบื้องต้นได้กำหนดที่ จ.ปทุมธานี เป็นที่แรก ก่อนที่จะมีการขยายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป และจะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดได้ครบทุกโดสทั่วประเทศแน่นอน” รมว.สาธารณสุข กล่าว