“อดุลย์” ปลุกประชาชน ทวงคืนที่ดินเขากระโดง แฉ "ชัย ชิดชอบ"เคยลงบันทึกยินยอมขออาศัย แต่มีขบวนการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ เตือน นักการเมือง- ขรก. ระวังมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 ผู้ก่อตั้งสภาที่ 3 กล่าวถึงกรณี กรมที่ดิน โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ที่ดินบริเวณพื้นที่เขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 5,083 ไร่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ่อหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทาน พื้นที่เขากระโดงให้กรมรถไฟหลวง เพื่อใช้ทรัพยากรในพื้นที่ดังกล่าวไปสร้างทางรถไฟ ให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎร และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมิให้ผู้ใดมาครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ต่อมามีกลุ่มบุคคลนำโดย นายชัย ชิดชอบ มาขอทำกิน จนเกิดเรื่องพิพาท ในที่สุดนายชัย พร้อมเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้มีการลงบันทึกร่วมกัน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2513 ว่า ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ โดยนายชัย ขออาศัยที่ดินจากการรถไฟฯ และการรถไฟฯ ตกลงยินยอมให้อาศัย ต่อมามีความพยายาม เบียดบังที่ดินการรถไฟฯ มาเป็นที่ดินเป็นของตนอย่างเป็นขบวนการ และมีการออกเอกสารสิทธิ์ ทับที่ดินของการรถไฟฯ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
นายอดุลย์ กล่าวว่า ล่าสุดได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาและคำพิพากษาศาลปกครองกลางแล้ว แต่กรมที่ดินกลับไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นการบ่ายเบี่ยงไม่เคารพกฎหมาย เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดง ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ แผนที่พื้นที่เขากระโดงของการรถไฟฯ ก็ได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้ว และยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลได้มีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในที่ดินดังกล่าวบางแปลงและมีการบังคับคดีแล้วไม่จำเป็นต้องนำมาพิสูจน์สิทธิอีก จึงเป็นข้อยุติทุกกระบวนการแล้ว กรมที่ดิน จึงมีหน้าที่คุ้มครองที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การรัฐและราษฎร และต้องป้องกันไม่ให้มีผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ
“ขอเตือนสติ รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน และผู้เกี่ยวข้อง ว่าพวกท่านกำลังละเมิดพระบรมราชโองการของพ่อหลวงรัชการที่ 5 ดูหมิ่นเหยียดหยามอำนาจของศาลสูงสุด แกนนำรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ จะต้องเร่งดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลสูงสุด หากยังวางเฉยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ถือว่ามีส่วนในการละเมิดพระบรมราชโองการ ละเมิดอำนาจศาล จะต้องมีความผิดตามกฎหมายด้วย ส่วนรมต.คมนาคม และผู้ว่ารถไฟฯที่ ยืนข้างผลประโยชน์ของบ้านเมือง รวมทั้งผู้ที่ยื่นฟ้องต่อศาลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ต้องให้การสนับสนุนทวงคืนที่ดินของ พ่อหลวง ร.5 มาให้ได้ และขอเตือนว่าที่ดินของหลวงเป็นของศักดิ์สิทธิ์มันผู้ใดที่บังอาจเบียดบังมาเป็นของตน จะประสบแต่ความวิบัติหายนะในที่สุด” นายอดุลย์ กล่าว