ศาลอาญา พิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท
ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีวางยาฆ่าผู้อื่นที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 30 ล้านบาท โดยมีนางสรารัตน์ หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี จำเลยที่ 1 ความผิดฐานฆ่าอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อายุ 40 ปี อดีตสามีและอดีตตำรวจยศ พ.ต.ท. จำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช อายุ 36 ปี จำเลยที่ 3 ในความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า “แอม ไซยาไนด์” จำเลยที่ 1 เห็นเหตุการณ์ขณะ “ก้อย” ผู้เสียชีวิตที่บริเวณท่าน้ำตลอด ไม่มีท่าทีตกใจ กระวนกระวาย ผิดวิสัยคนเป็นเพื่อน และไม่ช่วยเหลือทันที แต่กลับเดินไปหยิบของบางอย่างในรถ แสดงให้เห็นเจตนาว่ารู้ลำดับเหตุการณ์จะเกิดอะไรขี้น หากบริสุทธิ์ใจควรช่วยเหลือทันที หรือแจ้งกู้ภัย หรือแจ้งผู้พบเห็นช่วยเหลือ กลับขับรถไปที่อื่น หลบหนีไป ไม่อยู่แสดงตัวในที่เกิดเหตุ
ส่วนตัวอย่างเลือดของผู้เสียชีวิต พบว่ามีสารพิษไซยาไนด์ในร่างกายของผู้ตาย ทั้งเลือด กระเพาะอาหาร ตับ ในระดับรุนแรง ทำให้เกิดอันตราย ส่งผลกระทบต่อโลหิต การหายใจ ระบบประสาท ทำให้ถึงแก่ความตาย
จากการพิสูจน์เรื่องเวลาการออกฤทธิ์ของไซยาไนด์ จากผู้เชี่ยวชาญ เชื่อได้ว่าผู้ตายถูกให้กินไซยาไนด์ตั้งแต่อยู่ในรถและมีอาการก่อนลงรถไปบริเวณท่าน้ำ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ “แอม” จำเลยยังมีพฤติการณ์โกหกปิดบังซ่อนเร้น มีการขโมยกระเป๋า LV โทรศัพท์ของผู้ตายไปด้วย ซึ่งผิดวิสัยแทนที่จะโทรแจ้งญาติผู้ตาย หรือส่งกระเป๋าคืน กลับเอาขึ้นรถไปและซ่อนเร้นอำพราง รวมถึงมีการซ่อนเร้นขวดสารไซยาไนด์อีกด้วย
อีกทั้งในรถยนต์ของ “แอม” ที่พา “ก้อย” ผู้เสียชีวิตไป พบแคปซูลสีฟ้า และสารพิษไซยาไนด์หลายจุด ทั้งเบาะหน้าซ้าย ประตูหลังคนขับ นอกจากนี้ “แอม” ได้สั่งซื้อไซยาไนด์ มีคำสั่งซื้อกับบริษัท และให้ไรเดอร์มาส่งที่จุดนัดมีรูปถ่ายส่งมอบของเป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า “แอม” มีปัญหาหนี้สิน เป็นหนี้หลายสิบล้านบาท ตรวจพบมีการโอนเงินให้บัญชีม้าพนันออนไลน์ 88 ครั้ง กว่า 93 ล้านบาท หนี้บัตรเครดิต 2 ล้านบาท หนี้สินเชื่อ 3 ล้านบาท และพบพิรุธมีการโอนเงินไปบัญชีม้าพนันทั้งกลางวันกลางคืน และพบว่า มีเหยื่อผู้เสียชีวิตที่รู้จักกับ “แอม” มีจำนวนมากขึ้นผิดปกติในช่วงเป็นหนี้
ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 มีตำแหน่งสูง มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการสอบสวน เป็นไม่ได้ที่จะมีทักท้วงว่าไม่มีความผิด จึงไม่เชื่อว่าจะถูกข่มขู่เซ็นให้การตามคำฟ้อง และมีการให้การด้วยความสมัครใจ อีกทั้งคำให้การจำเลยที่ 1 2 3 สอดคล้องกัน ไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตกแต่งสำนวนปรักปรำ จำเลยที่ 2
ส่วนทนายพัช จำเลยที่ 3 มีเกียรติ ผดุงความยุติธรรม แต่เข้าไปมีส่วนร่วม เกินเลยบทบาทหน้าที่ใช้คำพูดยุยง บงการให้ทำตามคำแนะนำ “ถ้าสู้คดีให้หลุดต้องไม่มีกระเป๋าของกลาง” จำเลยที่ 1 จึงไม่คืนกระเป๋า LV ของกลางให้ตามความบริสุทธิ์ใจ แต่นำไปซุกซ่อนแทนที่จะคืนกับญาติหรือส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เชื่อว่ามีพฤติการณ์กระทำการนอกเหนือบทบาทของทนายความ มีเจตนาชัดเจนชี้แนะซ่อนเร้นพยานหลักฐาน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่านางสรารัตน์ จำเลยที่ 1 มีการกระทำที่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไต่ตรองไว้ก่อนเพื่อสะดวกในการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2-3 ผิดฐานช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐานให้จำคุกคนละ2ปี ซึ่งจำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1ใน 3 เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วม 2 ล้านบาทเศษ