“ปิดจ๊อบ..” พื้นที่ท่วมภาคกลาง ศปช. แจ้ง ปชช.ลุ่มเจ้าพระยา เตรียมเข้าสู่ภาวะปกติ ด้านภาคใต้ฝนยังมีต่อเนื่องศปช.ย้ำยังจับตาใกล้ชิด
คนหลังเขื่อนภาคกลางเบาใจ ศปช. เร่งบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา ปรับลดการระบายน้ำต่อเนื่อง บ่ายนี้เหลือแค่ 850 ลบ.ม./วินาที นับถอยหลังไม่เกิน 3 วันต่ำกว่า 700 ลบ.ม./วินาที จุดต่ำสุดเข้าสู่ภาวะปรกติแน่ ด้านภาคใต้ฝนยังมีต่อเนื่องศปช.ย้ำยังจับตาใกล้ชิด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ศปช.ยังคงติดตาม การบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
เพื่อให้มีน้ำเพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ประกอบกับได้ผันน้ำออกทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพื่อสนับสนุนพื้นที่การเกษตร ทำให้ขณะนี้ได้ทยอยปรับลดการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องที่เขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดปรับลดการระบายน้ำเหลือ 850 ลบ.ม./วินาที โดยกรมชลประทานยืนยันจะปรับลดเหลือระดับต่ำกว่า 700 ลบ.ม./วินาทีได้ภายใน 3 วัน
“หากสามารถปรับลดการระบายน้ำได้ต่ำกว่า 700 ลบ.ม./วินาที จะทำให้จุดที่ต่ำที่สุดของลุ่มเจ้าพระยาคือ อ.เสนา อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของลุ่มเจ้าพระยาที่มีน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ สถานการณ์คลี่คลาย และไม่เหลือพื้นที่น้ำท่วมในลุ่มเจ้าพระยา
ทั้งนี้การผันน้ำออกทางตะวันตกอาจทำให้มีน้ำเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรบริเวณลุ่มน้ำท่าจีน จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครปฐม เล็กน้อย ซึ่งกรมชลประทานได้ใช้เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รวม 60 เครื่องเข้าไปติดตั้งและเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำแล้ว”
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มที่ภาคใต้ยังมีฝนตกต่อเนื่องในเดือนนี้และเดือนหน้า ศปช. ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำทั้งหมด บูรณาการร่วมกันในการพร่องน้ำในเขื่อน เพื่อเตรียมความพร้อมรับปริมาณน้ำที่อาจเติมเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว
โดยขณะนี้ที่เขื่อนบางลาง จ.ยะลา ได้ปรับลดการระบายน้ำจาก 16 ล้าน ลบ.ม./วัน เหลือ 12 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ท้ายเขื่อน ทั้งนี้ ศปช.ได้เน้นย้ำ ให้มีการประเมินศักยภาพในการรับน้ำของพื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนตลอด24ชั่วโมง