นายกฯ ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้เจ้าหน้าที่ สั่งเลขา ป.ป.ส. เตรียมแผนรองรับการลักลอบ เล็งใช้วิธีกองทัพภาค 3 เป็นโมเดลนำร่อง ย้ำ ต้องสร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด แก่ พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และ พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ประกอบด้วย โดรนตรวจการณ์ พร้อมกล้องอินฟราเรด , กล้องดักถ่ายภาพแบบไร้สาย , เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา , กล้องอำพรางแบบเคลื่อนที่ , ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ หรือ แอนตี้-โดรน , เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ , กล้องตรวจการณ์เวลากลางวัน , กล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน , กล้องบันทึกการปฏิบัติงานแบบบุคคล , กล้องติดตัว WOLFCOM เหมาะสำหรับการใช้ในงานรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และการตรวจสอบข้อมูลในภาคสนาม
นายเศรษฐา กล่าวภายหลังเป็นประธานมอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ้มผู้ค้ายาเสพติด แก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการทหารบก ว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งทางรัฐบาลร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางกองทัพ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดำเนินการกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยเน้นไปยังจ.น่านและร้อยเอ็ดก่อน ที่จะทำให้เป็นจังหวัดสีขาวทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ปัญหายาเสพติดกัดกร่อนสังคมไทยมานาน ถึงเวลาต้องกำจัดให้หมดไป และจากทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่ไปมีหลายขั้นตอนที่ต้องแก้ปัญหา จึงจำเป็นต้องตัดซัพพลายเชนทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอของยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวหรือเมียนมา
ดังนั้น เรื่องของอุปกรณ์ในการป้องกันและตอบโต้กลุ้มผู้ค้ายาเสพติดถือเป็นเรื่องสำคัญ ประกอบกับอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมีอุปกรณ์ไม่ครบทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ตนจึงได้เน้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า เรื่องอุปกรณ์และเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรถโฟวิลที่ใช้กับพื้นที่ภาคเหนือที่มีพื้นที่ราบสูงเยอะ หรือต้องใช้โดรนในการสำรวจพื้นที่ต่างๆ
พร้อมทั้งได้สั่งการเลขาป.ป.ส. ไปดูว่า ในประเทศที่มีความซับซ้อนในการขนถ่ายยาเสพติดทำอย่างไรบ้าง เช่น การขนถ่ายยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา มีการใช้โดรนในการขนส่ง เราจึงต้องประชุมและเตรียมข้อมูลมากขึ้น และไม่ใช่เพียงยาบ้าเพียงอย่างเดียว เรื่องเฮโรอีนก็เป็นเรื่องสำคัญและตลาดสำคัญที่ส่งออกเฮโรอีน คือ สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ซึ่งบ่ายวันนี้จะมีการหารือกับทูตออสเตรเลีย ในการทำงานร่วมกันที่ตัดตอนการขนส่งเฮโรอีน รวมถึงจะมีการหารือกับทูตสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปประชุมที่คณะกรรมการป.ป.ง. เพื่อพูดคุยการยึดทรัพย์ที่ต้องกระชับ รวดเร็วมากขึ้น เพราะหากยังยึดทรัพย์ไม่ได้ จะมีเงินทุนไปจ้างผลิตต่อ รวมถึงเรื่องการให้ขวัญกำลังใจและผลตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
ส่วนสถานการณ์การสู้รบที่เมียนมาตามแนวชายแดน ทำให้ชนกลุ่มน้อยเพิ่มกำลังการผลิตยาเสพติดมากขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องที่สำคัญและต้องมาพูดคุยกัน ซึ่งไม่ใช่ปัญหายาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาความสำคัญระหว่างประเทศด้วย แม้จะเป็นประเด็นปัญหาความมั่นคงภายในเมียนมา ซึ่งไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมา ก็ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยประสานงานด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขก็มีหน้าที่สำคัญในการบำบัด ฟื้นฟู ดูแล และต้องทำงานร่วมกับทางกองทัพ โดยเฉพาะที่มณฑลทหารบกที่ 38 (มทบ.38) ที่จ.น่าน ก็ถือเป็นโมเดลที่ดี ในการบำบัดยาเสพติด ซึ่งภารกิจนี้ต้องรวบรวมหลายกระทรวงและหลายหน่วยงาน และต้องมีความเข้าใจและควาสามัคคีในการร่วมกันแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแก้ปัญหาแม้จะอุ่นใจที่ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานในนามทีมไทยแลนด์ แต่ไม่อุ่นใจในแง่ปัญหาที่เยอะมาก และต้องเร่งแก้ปัญหาต่อไป
ด้าน พลโท ประสาน แสงศิริลักษณ์ แม่ทัพภาคที่ 3 และ พลตรี ประพัฒน ภพสุวรรณ ผบ.กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ผู้บังคับบัญชา ให้กำลังใจและช่วยแก้ปัญหา ซึ่งอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ยังต้องการอีกจำนวนมาก เพราะช่วยลดการสูญเสียได้ และมีประโยชน์ ทดแทนของเก่าที่เสื่อสภาพไปตามกาลเวลา โดยเราต้องเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพราะถ้าปะทะแล้วมีการสูญเสียก็ไม่คุ้ม พร้อมยืนยันว่าเสื้อเกราะก็มีพร้อมปฏิบัติภารกิจ