"ธรรมนัส" เดินหน้าโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง  ยัน ไม่ล็อกสเปค 

ปุ๋ยคนละครึ่ง,ธรรมนัส

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์โครงการปุ่ยคนละครึ่ง ที่ชาวนาบางส่วนไม่เห็นด้วยว่า โครงการนี้เป็นมติที่เห็นชอบโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการนี้ประกอบไปด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้แทนจากนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การคลัง ธ.ก.ส.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย ออกมาเป็นมติ และนำส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นการเรียกร้องของพี่น้องเกษตรกรชาวนา ตามที่ตนได้เคยแสดงวิสัยทัศน์ เราจะนำไปสู่โครงการ ปุ๋ยแม่นยำ ถูกสูตร ถูกที่ ถูกเวลา เพื่อต้องการเพิ่มผลผลิตและให้ข้าวมีคุณภาพ เมื่อคณะกรรมการนโยบายข้าวเห็นชอบ ทางกรมการข้าวในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ เสนอ ครมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทางกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว ได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ฉะนั้นถามว่าพี่น้องชาวนาต้องการหรือไม่ ซึ่งธ.ก.ส.และกรมส่งเสริมการเกษตร จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรลงทะเบียนว่าสนใจโครงการนี้หรือไม่ ต้องดูตรงนี้ ไม่ใช่ไปบังคับยัดปุ๋ย ให้ชาวบ้าน มันไม่ใช่ การสื่อสารต้องทำให้เข้าใจว่าเรื่องนี้เกษตรกรและชาวนาต้องลงทะเบียนเองว่ายินดีจะเข้าร่วมโครงการหรือไม่ ตรงนี้ต้องแยก บางคนไปวิพากษ์วิจารณ์มันเสียหาย โดยบอกว่าเป็นการเพิ่มภาระให้เกษตรกร ยืนยันหากเกษตรกรชาวนาไม่เข้าร่วม ก็ไม่ได้บังคับ 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เมื่อเกษตรกรชาวนาลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ก็จะต้องไปเข้าแอป ของธ.ก.ส.ด้วย สิ่งสำคัญที่มองกันว่าล็อคสเปคปุ๋ย ล็อคสูตรปุ๋ย และบริษัทหรือไม่ ตรงนี้บอกเลยว่าไม่ แต่เป็นการเปิดโอกาส ผู้ประกอบการให้ทุกบริษัทและทุกยี่ห้อเข้าร่วมโครงการ ไม่ได้ไปล็อคสเปคสูตรนั้นสูตรนี้ เป็นการเปิดโอกาสทั้งหมด ขอให้เข้าใจตรงนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการพัฒนาคุณภาพผลิตผลการเกษตรประเภทข้าว 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า หลายท่านถามว่าหากชาวนาไม่ต้องการปุ๋ย แต่ต้องการไร่ละ 1,000 บาท  ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการของรัฐ เอาไว้ใช้เมื่อเกษตรกรมีปัญหา จากการปลูกข้าว ที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งเกิดจากน้ำแล้งหรือน้ำท่วม ส่งผลให้ข้าวเกิดความเสียหาย รัฐต้องเข้าไปเยียวยา ขณะเดียวกันถ้าราคาข้าวปีไหนที่ตกต่ำมาก ตันละ7-8 พันบาทชาวนาอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่า รัฐก็จะเข้าไปสนับสนุน โดยดูแลค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งรัฐบาลนี้ประกาศชัดเจน เราจะต้องพัฒนาคุณภาพข้าว เพิ่มปริมาณต่อไร่ และราคาข้าวต้องสูง ไม่ควรจะต่ำ กว่า 1.1 หมื่นบาท ถึง 1.5 หมื่นบาท ต่อตัน ซึ่งแล้วแต่ชนิดพันธุ์ข้าว และเมื่อข้างราคาสูง ถามว่ารัฐจะต้องเข้าไปสนับสนุนอีกหรือ  แต่ถ้าข้าวราคาต่ำ รัฐต้องเข้าไปสนับสนุนอยู่แล้ว ตรงนี้มันคนละเรื่องกันต้องแยก ขอยืนยันว่าไร่ละ 1,000 บาทนั้นรัฐยังสนับสนุน หากเกิดวิกฤตกับพี่น้องชาวนา โครงการนี้ยังมีอยู่ไม่ได้ยกเลิก 

"การวิพากษ์วิจารณ์โดยนำไปโยงกันถือเป็นการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน มันคนละเรื่องอย่าเอา 2 เรื่องมาผูกให้เป็นเรื่องเดียวกัน"


เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่าให้มีการทบทวนโครงการนี้ ตรงนั้นคือส่วนไหน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนนี้กระบวนการดำเนินการ จะต้องไม่ให้เปิดช่องทางให้ข้าราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปแสวงหาประโยชน์ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าต้องการให้เกษตรกรได้มีปุ๋ยใส่ในนาข้าวตัวเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพข้าว และเพิ่มปริมาณข้าว นายกฯมีวัตถุประสงค์ตรงนี้ ส่วนผู้ประกอบการปุ๋ย ก็จะต้องไปลงทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ถือเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ย เพราะเดี๋ยวจะได้ปุ๋ยที่ไม่มีคุณภาพอีก เมื่อลงทะเบียนกรมวิชาการเกษตรก็จะต้องให้บริษัทนั้นๆ นำตัวอย่างมาทดสอบหรือเทส ซึ่งปุ๋ยที่ใช้แต่ละแปลงนาก็ไม่เหมือนกัน โดยนายกฯสั่งให้ทำให้ละเอียด