ศาลฎีกาฯ นักการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ “อนุรักษ์” ทุจริตฯเรียกรับเงิน 5 ล้าน อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแลกผ่านงบ
นาย อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานมูลนิธิ "ตั้งปณิธานนท์" อดีต ส.ส. จังหวัดมุกดาหาร พรรคเพื่อไทย จำเลยในเรียกรับสินบน 5 ล้านบาทจากอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลพร้อมทนาย ได้เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เพื่อฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดี อม.อธ.7/2566 ระหว่างอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ กับนาย อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส. จังหวัดมุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรียกรับสินบน 5 ล้านบาทจากอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุกนายอนุรักษ์ 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ตนสบายใจ คดีนี้ตนทำหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณ เป็นฝ่ายค้าน หน้าที่คือทำให้งบประมาณเหมาะสมกับราคา ไม่ว่าจะเป็นกรมหรือกระทรวงไหนๆ ก็ต้องมาขอ เรามีหน้าที่ซักถาม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่ส่งแบบแปลนประมาณการให้ ไม่รู้ว่าจะห่วงไปทำไม เพราะเราได้ตรวจสอบแล้วว่ามีการทำผิดแบบทั่วประเทศ
“สำนวนคดีไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีวัตถุพยานหรือประจักษ์พยานในคดีก็ไม่มี คดีนี้โทษสูงสุดคือประหารชีวิต การที่จะลงโทษพนักงานสอบสวนต้องล่อซื้อ เพื่อจะต้องได้หลักฐานมั่นคง เพราะอัตราโทษสูง แต่คดีตนไม่มีอะไรเลย มีคนกล่าวหาคือ นายศักดาเท่านั้น เขามีความโกรธเคืองอาฆาตตน และพยานปากเดียวที่ศาลเชื่อลงโทษตน เพราะนายศักดา เป็นข้าราชการระดับสูง”
ส่วนตัวมองว่า ไม่ถูกต้อง นายศักดาก็ให้การไม่อยู่กับร่องกับรอย ให้การขัดแย้งกับพยานปากอื่น บอกพยานที่มี 16-17 ปาก ก็เป็นพยานบอกเล่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ป.ป.ช. ก็ไม่สอบปากคำ ตนส่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยอุทรณ์หมดแล้ว และเชื่อว่าท่านจะพิพากษาคดีถึงที่สุด จะต้องเชื่อโดยปราศจากความสงสัยถึงจะลงโทษตนได้ ตนมั่นใจว่าศาลฎีกาจะให้ความเป็นธรรมกับตน
เมื่อถามว่า ถ้าผลไม่ได้เป็นบวกอย่างที่คิดจะทำอย่างไร นายอนุรักษ์ เผยว่า สุดแล้วแต่ศาล ถ้าศาลตัดสินยังไงก็ต้องเป็นเป็นไปตามนั้น อุทธรณ์ไม่ได้ สุดท้ายแล้ว
“ตนขอให้คดีนี้เป็นคดีแรกและคดีสุดท้ายที่กล่าวหา ส.ส. รับเงินจากหน่วยงานต่างๆ คำกล่าวหาตนว่าเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปรับลดงบประมาณ ตนเป็นหนึ่งใน 500 เสียง พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคก็ไม่สามารถต่อรองเรียกเงินใครได้ เพราะเป็นฝ่ายค้าน ส.ส. ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับการปรับลดงบประมาณให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เข้าใจกฎหมายดังกล่าว คำกล่าวหาก็ไม่สมเหตุสมผล ตนเป็นหนึ่งใน 500 เสียงเท่านั้น นายศักดา จะกลัวทำไม จะเอาเงินมาให้ตนทำไม ยืนยันว่าไม่มี”
เมื่อถามว่าถ้าผลออกมาเป็นบวกจะดำเนินคดีกลับ นายศักดา หรือไม่ นายอนุรักษ์ ย้ำว่า อย่าเพิ่งพูดค่อยว่ากันทีหลัง เพราะยังไม่ถึงขั้นนั้น วันนี้ตนขอมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น
สำหรับคดีดังกล่าว ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายอนุรักษ์ กระทำผิดตามฟ้องจริง ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปรับปรามการทุจริตฯ พ.ศ. 2561 มาตรา 173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากลงโทษจำคุก 6 ปี ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 65 เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามที่ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาคดีจริยธรรมร้ายแรงก่อนหน้านี้
โดยก่อนการฟังคำวินิจฉัย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และสมาชิกมูลนิธิตั้งปณิธานนท์ 100 คน ได้เดินทางมาให้กำลังใจ-พูดคุย พร้อมมอบดอกกุหลาบสีขาว นายอนุรักษ์ ก่อนจะเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาล