“พัชรวาท” แจง ปมเพิกถอนที่ดินอุทยานทับลาน คืนประชาชนแค่ 5 หมื่นไร่ ยันรับฟังเสียงค้าน ด้าน “อธิบดีกรมอุทยานฯ” ชี้ 30 วัน รู้ผล เฉือน 2.6แสนไร่ให้ส.ป.ก.
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผย กรณีที่กรมอุทยานฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชาชนเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเพิกถอนพื้นที่ จำนวน 58,000 ไร่ ออกจากการเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ขณะนี้กำลังทำประชาพิจารณ์ และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยในส่วนของชาวบ้านประมาณ 50,000 ไร่ ก็จะมีการดูแลชาวบ้านเป็นหลัก โดยจำนวน 2.65 แสนไร่นั้น คือป่าทับลานทั้งหมด โดยจำนวนป่าที่จะคืนประชาชนนั้นทางคณะกรรมการอุทยานจะพิจารณาเร่งรัดภายใน 30 วัน
ส่วนกระแสไม่เห็นด้วยของประชาชนนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท เผยว่า ก็ต้องรับฟังความเห็นมาก่อน ซึ่งการทำประชาพิจารณ์จะสิ้นสุดในวันที่ 12 ก.ค. นี้
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า พื้นที่ของอุทยานทับลาน เป็นที่ข้อพิพาทกันมา 40 ปีแล้ว ซึ่งก่อนจะมาเป็นอุทยานเคยเป็นป่าสงวนมาก่อน กรมอุทยานเคยจัดพื้นที่ให้มีชาวบ้านเข้าไปอยู่ เนื้อที่ประมาณ 58,000 ไร่ หลังจากนั้นมีการประกาศพื้นที่อุทยานซึ่งทับกับบริเวณที่มีชาวบ้านอาศัย จึงมีการเรียกร้องให้กันพื้นที่ออก ซึ่งในปี 2543 ได้มีการสำรวจพื้นที่เพื่อกันแนวเขตขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด
หลายรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหากันพื้นที่ให้ชาวบ้าน ผ่านการพูดคุยในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ซึ่งมีมติว่าให้กันพื้นที่กว่า 265,000 ไร่ ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ ไปให้กับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ดูแล ซึ่งมติ ครม. ขณะนั้นเห็นชอบตามที่ สคทช.เสนอ แต่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีจะไม่ได้รับการยกเว้น ดังนั้นกรมอุทยานแห่งชาติ มีหน้าที่รับฟังความคิดเห็นทั้งประชาชนทั่วไป และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ด้วย หลังจากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรแห่งชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะยึดหลักความถูกต้อง ฟังทุกเสียงให้รอบด้าน ทั้งการมอบที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน การดูแลรักษาพื้นที่อุทยานไว้ ซึ่งภายใน 265,000 ไร่นั้นเป็นทั้งพื้นที่อุทยาน พื้นที่ทำกิน และรีสอร์ท รวมถึงผู้ถือโฉนดเป็นทั้งผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน ซื้อต่อมามือที่ 2 และ 3 ซึ่งต้องพูดคุยในที่ประชุมคณะกรรมการอุทยานว่าจะพิจารณาอย่างไร พร้อมย้ำว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิให้พื้นที่จะต้องชอบด้วยกฎหมาย มีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ในการจัดสรรที่ดิน โดยการจัดสรรพื้นที่นั้น จะจัดสรรให้เท่ากันซึ่งหมายถึงสภานภาพพื้นที่แต่คุณสมบัติของคนไม่เท่ากัน บางคนอยู่มาก่อน บางคนซื้อขายเปลี่ยนมือ และบางคนมากว้านซื้อที่ ซึ่งคนที่กว้านซื้อที่ไม่น่าจะมีสิทธิ หลักการในการพิจารณาคุณสมบัติผู้ครอบครอง สถานภาพวันนี้ที่ดินยังเป็นที่ดินของรัฐอยู่ทั้งหมด
ขณะที่คดีความบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาตินั้น ยืนยันว่า ไม่ถูกลบล้างไปแน่นอน เพราะคดีความพิจารณากันในตอนที่ที่เกิดเหตุ ว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไน พิจารณากันตามกระบวนการยุติธรรม