สำนักวรรณกรรมฯ เผยบันทึกชาวต่างประเทศ เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ไทย

สำนักวรรณกรรมฯ เผยบันทึกชาวต่างประเทศ เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ไทย
โดย...สมาน สุดโต 

สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร จัดเวทีให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่อง เล่าขาน ประวัติศาสตร์ จากเอกสารชาวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมอาคาร ดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร

โดย นันทพร บรรลือสินธุ์    ผู้อำนวยการกลุ่ม แปลและเรียบเรียง สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เป็นผู้นำ คณะ วิทยากร อีก 3 ท่าน คือรัตติกาล สร้อยทอง นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กมลทิพย์ ชัยศุภมงคลลาภ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ และผู้ดำเนินรายการคือ พัชรา สุขเกษม นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ มบรรยายประกอบสไลด์ เพื่อ ให้ผู้ฟังได้อรรถรสยิ่งขึ้น

บันทึกของชาวต่างชาติ ที่มีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทย ในช่วง รัชกาลที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 นั้น ส่วนมากเป็นมิชชันนารี ชาวอเมริกัน อังกฤษ รัสเซีย และฝรั่งเศส เช่น นายแพทย์ แดนิช บีช บรัดเลย์ หมอซามานูเอล เรโนลด์ เฮาส์ หมอสมิทธิ์ หมอ เอส จีแมคฟาแลนด์ และภรรยา หมอแมคคอมิค และสังฆราชปาเลอกัว และนัการทูต ได้แก่ เฮนรี เบอร์นีย์ จากอังกฤษเชอร์ จอห์น บาวริ่ง  เป็นต้น

ผมฟัง ตอนที่ ท่านบรรยายเรื่องบันทึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้า รัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระมงกุฎเกล้า รัชกาลที่ 6 ที่ชายต่างชาติบันทึกไว้ พร้อมทั้งเอกสารทางประวัติศาสตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ 3

ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือรัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดำรัส ให้หมอ บรัดเลย์ มิชชีั่นนารีชาวอเมริกัน นิกายโปรเตสแตนต์และเป็นพระสหายครั้งทรผนวช  ณวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นผู้บันทึกเกี่ยวกับ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งสิ้น 

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 4 เริ่ม 15 พฤษภาคม พ.ศ.2394 สิ้นสุดวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2394  นอกจากพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวังแล้ว พระองค์ได้เสด็จเลียบพระนครทางสถลมารค ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2439 ด้วย

การนีัประชาชน มาชุมนุมชื่นชมพระบารมีกันมาก จึงโปรดให้โปรยเงินทองพระราชทาน สิ้นราชทรัพย์เป็นอันมาก

ต่อมาวันที่ 21 พฤษภาคม 2439 เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค มีขบวนเรือยาวเหยียด ตบท้ายด้วยขบวนขุนนางจีน และพระบรมวงศานุวงศ์ รุ่นเยาว์

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯให้กระทำ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดฯ ให้กระทำ 2 ครั้งเช่นกัน 

ที่น่าสนใจคือ ผู้จดบันทึก เหตุการณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 6 นั้น เป็นชาวรัสเซีย ทั้งนี้เพราะในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 มีพระบรมวงศ์ ชั้นผู้ใหญ่ เสด็จไปศึกษาที่ประเทศรัสเซีย และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชสำนักรัสเซีย เมื่อ มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของรัชกาลที่ 6 จึงมี เจ้าหน้าที่รัสเซีย มาทำบันทึก พระราชพิธี เพราะเจ้านายในราชสำนัก รัสเซียได้เสด็จมาร่วมพระราชพิธีสำคัญนี้

เช่นเดียวกับ  กษัตริย์ หรือเจ้านายจากหลายประเทศ ก็ได้เสด็จมา ในงานพระราชพิธี ด้วย

ภาพสไลด์ที่ ทางสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์เสนอ เป็นภาพแต่งพระองค์เต็มยศของ เจ้านาย จากราชสำนักต่างๆ แม้อากาศในเดือนธันวาคม จะสบายสำหรับชาวสยาม แต่เจ้านายจากราชสำนักยุโรป ทรงรู้สึกร้อนแน่นอน

ไฮไลต์ การเสวนาทางวิชาการ เนื่องในโอกาส สัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2567 นี้

คือ หนังสือ เอกสาร เฮนรี่ เบอร์นี่ย์ จำนวน 15 เล่ม

คุณนันทพร บรรลือศิลป์ บอกว่า หนังสือชุดนี้ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ทุ่มเทตลอดปี 2551 เพื่อจัดทำขึ้น  เมื่อพิมพ์แล้วเป็นที่ต้องการ ของผู้อ่านทั่วไป ปัจจุบัน เป็น rare books

คำนำบางช่วงบางตอน ของหนังสือ เอกสาร เฮนรี่ เบอร์นี่ย์ ที่คุณเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดี กรมศิลปากร (พ.ศ. 2551) เขียนว่า ทูตอังกฤษท่านนี้(เบอร์นีย์) ได้ทำสนธิสัญญา ให้ไทยลงนามกับประเทศอังกฤษ ใน พ.ศ.2369 (ในสมัยรัชกาลที่ 3) สำเร็จ
นับเป็นสนธิสัญญาทางพระราชไมตรี และการพาณิชย์ฉบับแรก ที่ไทยทำกับประเทศตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์

อาจกล่าวได้ว่าสนธิสัญญาฉบับนี้มีนัยสำคัญ ในการปูทาง ให้ชาติตะวันตก เริ่มเข้ามามีบทบาท ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไทย ไม่ไว้วางใจ ชาวตะวันตก ตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา ไดีโค่นอำนาจฝรั่งเศสลง
(ฝรั่งเศสมีอำนาจ มาก ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) 

เอกสารเฮนรี่ เบอร์นีย์ เป็นผลงาน ที่น่ายกย่อง ของหอพระสมุด วชิรญาณ ที่รวบรวมและพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่พ.ศ 2453 ถึง 2457 นับเป็นเอกสารที่มีคุณค่า ต่องานค้นคว้าด้านประวัติศาสตร์ของไทย

เอกสารดังกล่าวประกอบด้วยบันทึก จดหมาย และรายงาน ของร้อยเอกเฮนรี่เบอร์นี่ย์ ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ทางการทูตในประเทศไทย 9 เดือน ในช่วงพ.ศ 2368 ถึง พ.ศ.2369 ได้ติดต่อบุคคลสำคัญต่างๆ ตั้งแต่ระดับพระมหากษัตริย์ เจ้านายขุนนางสำคัญของไทยตลอดจนเอกสารต่างๆ ของสำนักอินเดีย ในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ ที่ได้รับผิดชอบดูแล อาณานิคมของอังกฤษในอินเดีย

เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาของหนังสือ ที่แปละเรียบเรียงแล้ว ให้มากยิ่งขึ้น กรมศิลปากรได้มอบให้สำนักงานวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ทำเชิงอรรถ และกำกับ ไว้ข้างท้ายว่า -สวป.

นันทพร ที่รับผิดชอบงานแปล บอกว่า ยังมีเอกสารต่างประเทศอีกมาที่ต้องศึกษาและแปล

และในฐานะผู้อำนวยการแปลและเรียบเรียงสำรักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ไดัวางแผน 5 ปี เพื่อติดต่อ หน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาททางศาสนาและการศึกษาในุอดีต เช่น โรงเรียนอรุณประดิษฐ์ เพชรบุรีและอาสนวิหาร อัสสัมชัญ บางรัก เพื่อค้นคว้าเอกสาร และบันทึกที่คณะมิชชี่นนารี ทำไว้ และยังไม่เปิดเผย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการต่อยอดประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมไทยต่อไป

TAGS: #สำนักวรรณกรรม #กรมศิลปากร