“บิ๊กโจ๊ก” บุกยื่นประธานรัฐสภา ชงเรื่องศาลฎีกาตั้งกรรมการสอบ กรรมการ ป.ป.ช.1 คน สงสัย พฤติการณ์ทุจริต-ร่ำรวยผิดปกติ ขอเวลา 2 สัปดาห์ล่า 20,000 ชื่อย้ำสถานะยังเป็น รองผบ.ตร.ขอคิดก่อนลงสมัคร สว.หรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อแสดงความประสงค์ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อเพื่อให้ประธานรัฐสภายื่นต่อประธานศาลฎีกาให้ตั้งกรรมการตรวจสอบไต่สวน และนำไปสู่การถอดถอนคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 1 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ซึ่งสงสัยว่ามีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา มอบหมายให้นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การยื่นตรวจสอบ ป.ป.ช.วันนี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่แสดงถึงพลังของประชาชน นับตั้งแต่มีการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งครั้งแรกที่มีการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญในการยื่นถอดถอนกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ องค์กรอิสระ ถือเป็นเป็นมิติใหม่ของประเทศไทย ซึ่งผ่านมามีแต่ประชาชนยื่นแก้ไขกฎหมายต่างๆ แต่ยังไม่เคยมีการรวบรวมรายชื่อแสดงพลังถอดถอนองค์กรอิสระ วันนี้ประเทศไทยภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนถือเป็นพลังสำคัญที่จะนำมาซึ่งกระบวนการต่างๆในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระที่ปฏิบัติหน้าที่หรือมีพฤติกรรมอันควรสงสัยว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะเป็นอุทาหรณ์ให้องค์กรอิสระอื่นๆ ว่าต้องเป็นหลักชัยและหลักความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน ต้องมีหลักความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทุกคน
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่าได้ลงชื่อเป็นชื่อแรก จากวันนี้ไปจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการรวบรวมรายชื่อเพิ่มเติม โดยจะคิ๊กออฟเปิดให้ลงชื่อที่จังหวัดสงขลาพรุ่งนี้ตั้งแต่ 8.00น. ซึ่งเป็นจังหวัดของบ้านเกิดตัวเอง เป็นที่แรกช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายพรุ่งนี้จะตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อที่จังหวัดพัทลุง วันถัดไปจะไปตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นจะไปเชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี และขอนแก่น ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าถ้าเกิดพบเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมดังกล่าวประชาชนสามารถรวบรวมรายชื่อ 20,000 ชื่อเพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้ยื่นต่อประธานศาลฎีกา และประธานศาลฎีกาจะตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาไต่สวนตรวจสอบ ตามขั้นตอน ซึ่งถือว่าตนได้ริเริ่มขั้นตอนที่ 1 และได้ทำหน้าที่ใน 3 ส่วน คือรองผบ. ตร. ที่ทำงานเพื่อประชาชน และสาเหตุที่มาเพราะประชาชน ส่งข้อมูลมามากสำหรับคณะกรรมการป.ป.ช.คนนี้แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ เชื่อว่าสังคม รับทราบอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ส่งข้อมูลมาให้ตน ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ และอีกส่วนคือในฐานะที่ตนเป็นภาคประชาชน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าดูข้อมูลจากประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกระทำ จากการทำหน้าที่ของกรรมการป.ป.ช. คนดังกล่าวที่น่าสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ หลังจากวันนี้ขอให้สื่อไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.เอง เชื่อว่าจะมีข้อมูล พรั่งพรู มาเยอะ หากอยากรู้ข้อมูลในองค์กรก็ต้องถามเจ้าหน้าที่ในองค์กร วันนี้จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่าองค์กรอิสระเมื่อมาทำหน้าที่แล้วจะต้องทำหน้าที่เป็นหลักประกันในด้านความยุติธรรมให้แก่ประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกคนด้วย เพราะถ้าไม่ทำหน้าที่พลังประชาชนจะเข้ามาทำงาน เพราะประเทศเราอยู่ได้ด้วยประชาชน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเว็บไซต์ hakparn.com ปฏิบัติการกวาดบ้านให้ป.ป.ช. เพื่อร่วมกันลงชื่อกล่าวหากรรมการ ป.ป.ช. คนดังกล่าวทางออนไลน์คู่ขนานกันไปด้วย
“ผมห่วงอย่างเดียวพอเปิดประเด็นวันนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะไปเยาวราชช่วงเย็นหรือไม่ ไปซื้อประทัดไง กลัว ประทัดจะหมดเยาวราช” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ย้ำว่าไม่ขอเปิดเผยชื่อ กรรมการป.ป.ช.ที่ยื่นถอดถอน ระบุเพียงว่า ได้ส่งหลักฐาน ในหนังสือหมดแล้วและเป็นการยื่นกรรมการเพียงคนเดียว ซึ่งสังคมน่าจะทราบและเชื่อว่า จะมีผู้ร่วมลงชื่อมากกว่า 20,000 คน ยืนยันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว และขณะนี้ยังอยู่ในสถานะรองผบ.ตร. เพียงแต่ผบ.ตร.ไม่ได้มอบงาน และยังไม่ได้คิดลงสมัครสว. เพราะยังเป็นข้าราชการ แต่จะดูอีกที และย้ำหลักคิดการทำงานง่ายๆว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน ก็ทุ่มเททำงาน ให้กับประชาชน แก้ไขปัญหาความทุกข์ ความไม่เป็นธรรมให้กับประชาชนได้มาก ที่สุด ก็จะเอาตรงนั้น