วิโรจน์ ก้าวไกล หนุนทัพเรือซื้อฟริเกต 17,000 ล้านบาท ฉะพรรคร่วมฯ ตีตก คาดเอาเข้างบฯ กลาง ตีเช็คเปล่าเอื้อนายกฯ เหน็บ ทุกวันนี้เป็น นายกฯ ตัวจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดงานสัมมนา จัดโดย กมธ.ทหาร หัวข้อ “การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ” ที่ห้องสัมมนา ร้านอาหารพริ้มเพลิน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของทหารถูกลดทอนประสิทธิภาพ บทบาทของ กมธ.ทหาร คือการประสานให้ประชาชนกับกองทัพกลับมามีความเชื่อใจ เข้าอกเข้าใจในเชิงเหตุผล ประชาชนตรวจสอบกองทัพอย่างสมเหตุสมผล ไม่มีอคติหรือเกลียดชังกัน
สำหรับประเด็นงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท พรรคอันดับสองในการจัดตั้งรัฐบาลตัดงบตัวนี้ เพื่อนำเงินทั้งหมดไปเข้างบกลางที่จะตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้ตนไม่รู้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าการประชุม กมธ.ทหาร ที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ให้เหตุผล และเรารับรู้แล้วว่ามีความจำเป็นที่จะซื้อเรือฟริเกต สส.ก้าวไกล ยกมือให้ผ่านแล้ว แต่พรรคเพื่อไทย กลับตัดงบเอง
เรือฟริเกตเป็นงบที่เหมาะสม เป็นเรือที่ต่อในประเทศ สร้างประวัติศาสตร์ที่ไทยต่อเรือรบขนาด 3,900 ตันได้ และเป็นคุณูปการสำหรับโครงการวิศวกรรม ทำให้เกิดการจ้างงาน การต่อเรือขนาดใหญ่จะทำให้ไทยมีศักยภาพในอุตสาหกรรมต่อเรือ สามารถต่อลำที่ 2 ได้ ตนสนับสนุนเรือฟริเกต แต่ไม่สนับสนุนเรือดำน้ำ ต้องลุ้นว่าเครื่องยนต์จะได้ของจีนหรือเยอรมัน ลงไปดำแน่ แต่โผล่ขึ้นมาหรือเปล่าไม่รู้ รัฐบาลตอบว่ากลัวงบประมาณไม่พอ เราจะเชื่อคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หรือไม่ อ้างไม่รู้ไม่ได้ การซื้อที่เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือพัฒนาอุตสาหกรรมส่งออกกลับหายไป บอกจะนำจัดซื้อครั้งหน้า จึงขอตั้งคำถามว่า อุตสาหกรรมต้องมีการผลิตต่อเนื่อง หยุดพัฒนาไม่ได้ ความฝันที่เราจะพัฒนาอุตสาหกรรมการต่อเรือศูนย์สลายหายไป ตนพูดแล้วหงุดหงิดถ้ามีกระป๋องจะเตะโชว์! หากของที่จำเป็นมีงบหมื่นล้าน แสนล้าน ก็ต้องจ่ายหากเป็นผลประโยชน์กับประชาชน
สำหรับการบริหารที่ดินของกองทัพ ตนตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่สำคัญที่ทำให้กองทัพและพลเรือน มีความสัมพันธ์ที่ดี คือความโปร่งใส ตนขอบคุณ 2 เหล่าทัพ คือทัพเรือ กับทัพอากาศที่วันนี้ให้ความร่วมมือกับกรรมาธิการดีมาก ส่วน ผบ.ทบ. ก็กำลังสร้างความสัมพันธ์เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เข้าใจว่าการสื่อสารของกองทัพกับประชาชนบางครั้งมีข้อจำกัดแต่ถ้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วให้ กมธ.ทหาร ช่วยประชาสัมพันธ์บอกกับประชาชน จะทำให้กองทัพกับประชาชนมีความเชื่อใจมากขึ้น
ดังนั้น ในส่วนของการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพ ความสำคัญที่สุดจะโอนให้กับท้องถิ่นหรือไม่ ถ้าโอนให้ได้ก็จะประเสริฐที่สุด ดีที่สุด แต่ถ้ากองทัพจะดำเนินการต่อ จะต้องชี้แจ้งให้ได้ว่าเป็นการจัดสรรเงินให้กับนายทหารเท่าไหร่ ส่งเงินเข้ารัฐเท่าไหร่ จ่ายให้กรมธนารักษ์เท่าไหร่ หรือจัดสรรให้ประชาชนใช้อย่างเป็นธรรมได้หรือไม่ ความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะมีมากขึ้น แต่ดีที่สุดคือโอนให้ท้องถิ่นแล้วให้งบประมาณท้องถิ่นดูแลบริหารจัดการไป แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์การเป็นสวัสดิการของกองทัพ ดังนั้น ต้องหารือและหาจุดที่เหมาะสมที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกฯอบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนเต็มใจอย่างยิ่งที่ต้องมาร่วมงาน เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องปทุมธานีทั้งหมด ยืนยันว่าถ้าสมมุติเป็นอย่างที่นายวิโรจน์พูด ก็ถือว่าอยากได้สนามกีฬา และเราก็พร้อม เพราะในปีที่ผ่านมาเราอุดรูรั่วเรื่องทุจริตคอร์รัปชันไว้ ตนอยากเห็นการพัฒนา เชื่อว่าอยู่ที่วิธีการหารือ นอกจากนี้ จังหวัดปทุมธานีถือว่ายังไม่มีสนามกีฬาที่เป็นของจังหวัด มองว่าชาวปทุมธานีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนจะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้
ตนอยากทำให้เป็นสนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) เป็นศูนย์กีฬาที่ออกกำลังกายของประชาชน เป็นปอดของพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนทำไมต้องไปเสี่ยงอุบัติเหตุข้างนอก เช่น การปั่นจักรยาน สิ่งเหล่านี้ตนยืนยันว่า อบจ.พร้อมและตั้งงบประมาณผูกพันไว้รอแล้ว