โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น แรงสั่นไหวสามารถรับรู้ไปยังบริเวณ อ.ปาย อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน อ.เมืองเชียงใหม่ อ.สันทราย อ.จอมทอง อ.สันกำแพง อ.สะเมิง อ.สารภี อ.หนองหาร จ.เชียงใหม่ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน อ.เกาะคา และ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง นอกจากนี้ ต่อมาวันที่ 10 พ.ย. 2566 เกิดแผ่นดินไหวตามมาอีก (Aftershock) ขนาด 1.5 - 2.7 จำนวน 15 ครั้ง ในพื้นที่เดิม ซึ่งสาเหตุเกิดจากการเลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนเวียงแหง ที่มีการวางตัวในทิศเหนือ - ใต้ มีการเลื่อนตัวแบบรอยเลื่อนปกติ (Normal fault)

ทั้งนี้ จากกรณีแผ่นดินไหวดังกล่าว สำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ ได้ดำเนินการเร่งสำรวจตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อน และอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในความดูแล เพื่อรายงานข้อมูลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อน มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในความปลอดภัย โดยเบื้องต้นได้รายงานสภาพความมั่นคงของเขื่อนต่อแรงแผ่นดินไหว เขื่อนแม่กวงอุดมธาราเขื่อนหลัก เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่ทะลบหลวง อ่างห้วยแม่ฮ่องสอน และเขื่อนโป่งอ่อน ซึ่งพบว่า เขื่อนและอ่างเก็บน้ำอยู่ในสภาวะปกติและปลอดภัย ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนมั่นใจและเชื่อมั่นในความปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง แจ้งให้ผู้นำหมู่บ้านและผู้นำท้องถิ่น ออกสำรวจความเสียหาย

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชน โดยสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติการ เฝ้าระวัง เตรียมความพร้อมอย่างเต็มกำลัง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วเเละทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด” นายชัย กล่าว