Fashion กับ Formula 1 เมื่อสนามแข่งกลายเป็นรันเวย์ของโลก

Fashion กับ Formula 1 เมื่อสนามแข่งกลายเป็นรันเวย์ของโลก
เมื่อ Met Gala กลายเป็นเวทีที่นักกีฬาเฉิดฉาย F1 ก็ไม่น้อยหน้า เพราะสนามแข่งวันนี้คือรันเวย์แห่งสไตล์ จากพรมแดงถึงโพเดียม แฟชั่นระดับโลกเดินคู่กับความเร็วได้อย่างสง่างาม

โลกแฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนรันเวย์หรือหน้าปกแมกกาซีนอีกต่อไป แต่มันกำลังขับเคลื่อนไปพร้อมกับความเร็วระดับ 300 กม./ชม. ในสนามแข่งรถ! ความสัมพันธ์ระหว่างแฟชั่นกับกีฬาเคยเป็นเรื่องของชุดยูนิฟอร์มและประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว แต่ในยุคนี้ แฟชั่นไม่ได้นำกีฬาอีกต่อไป เพราะนักกีฬาเองก็กลายเป็นแฟชั่นไอคอนเช่นกัน

โดยเฉพาะในโลกของฟอร์มูล่าวัน ที่นักแข่งไม่ได้เพียงแค่จารึกชื่อบนโพเดียม แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการแฟชั่นระดับโลกอีกด้วย ในวันนี้ ถ้าแบรนด์ไหนยังไม่ขยับเข้าสู่สนามแข่ง ก็อาจจะช้าเกินไปสำหรับเกมแห่งสไตล์ที่ไม่มีเส้นชัย มีเพียงแฟลชจากช่างภาพ และรันเวย์ที่ทอดยาวไปทั่วกริดสตาร์ทเท่านั้น

แบรนด์แฟชั่นระดับโลกแบรนด์แรกที่ร่วมมือกับการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน (F1) คือ Hugo Boss ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยร่วมมือกับทีม McLaren ในการออกแบบชุดให้กับทีมงานและนักแข่ง และต่อยอดไปสู่การผลิตคอลเลกชันเสื้อผ้าร่วมกัน ความร่วมมือนี้กินเวลาหลายสิบปี และกลายเป็นต้นแบบของการจับมือระหว่างโลกแฟชั่นกับมอเตอร์สปอร์ตในยุคถัดมา

นับตั้งแต่นั้น การร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น Tommy Hilfiger, Puma, adidas, IWC และล่าสุด Louis Vuitton แบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศสที่ได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรหลักกับการแข่งขัน F1 อย่างเป็นทางการเป็นเวลา 10 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้สนับสนุนหลักในสนาม Australian Grand Prix เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ชมจะเห็นการปรากฏตัวของลายโมโนแกรม LV อันเป็นเอกลักษณ์รอบสนาม รวมถึง “Trophy Trunk” กล่องใส่ถ้วยรางวัลสุดหรูที่จะปรากฏบนโพเดียมผู้ชนะ

การผสานกันของโลกกีฬาและแฟชั่นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การเชื่อมโยงกันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับ F1 ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสจาก TikTok, Netflix และนักแข่งตัวท็อปอย่าง Lewis Hamilton ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของนักแข่งให้กลายเป็นแฟชั่นไอคอน

กีฬา + แฟชั่น = แรงดึงดูดระดับโลก

จากรายงานของบริษัท Karla Otto และ Lefty พบว่า F1 เป็นกีฬาที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสองในการสร้าง “Earned Media Value” (มูลค่าการประชาสัมพันธ์จากการกล่าวถึงโดยไม่ได้ซื้อสื่อ) ให้กับแบรนด์แฟชั่น โดยในปี 2023 เพียงปีเดียว เพิ่มขึ้นถึง 35% การลงทุนด้านการตลาดในแวดวง F1 จึงให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ F1 ในรอบ 5 ปีคือฐานแฟนคลับที่เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ผู้บรรยายกีฬาอย่าง Naomi Schiff, วิศวกรหญิงอย่าง Hannah Schmitz ไปจนถึงนักแข่งสาวในรายการ F1 Academy โดย Susie Wolff ผู้อำนวยการของ F1 Academy กล่าวว่า “เมื่อผู้หญิงเห็นตัวเองในกีฬา พวกเธอก็จะเชื่อว่าเขาสามารถเป็นได้เช่นกัน” ปัจจุบัน แฟน F1 ที่เป็นผู้หญิงมีสัดส่วนถึง 40% ของฐานแฟนทั้งหมด และมีบทบาทในชุมชนแฟนคลับอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งกลุ่มนี้เองที่เป็นแรงดึงดูดใหม่ของแบรนด์แฟชั่นและความงาม

อีกหนึ่งไฮไลต์ของ F1 อย่าง Monaco Grand Prix ที่มีการจัดแฟชั่นโชว์กลางสนาม เต็มไปด้วยคนดัง มหาเศรษฐี และนักออกแบบระดับโลก ทั้งบนเรือยอชต์และข้างสนาม แบรนด์หรูอย่าง Rolex, Moët & Chandon และ Louis Vuitton ต่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์นี้ด้วย

“Lewis Hamilton” สัญลักษณ์ของแฟชั่นในสนามแข่ง

ลูอิส แฮมิลตัน (Lewis Hamilton) ไม่เพียงแต่เป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันระดับตำนานที่คว้าแชมป์โลกถึง 7 สมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นไอคอนด้านแฟชั่นที่ทรงอิทธิพลในระดับโลกอีกด้วย เขาเป็นนักกีฬาที่สามารถเชื่อมโยงโลกของกีฬาความเร็วเข้ากับวงการแฟชั่นระดับสูงได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในปี 2025 ที่เขาได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Met Gala ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงบทบาทสำคัญของเขาในวงการแฟชั่น

ในช่วงเริ่มต้นอาชีพนักแข่งของแฮมิลตันในปี 2007 เขามักสวมใส่เสื้อผ้าที่เน้นความเรียบง่ายและเน้นประโยชน์ใช้สอย เช่น เสื้อโปโลและแจ็กเก็ตของทีม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มแสดงออกถึงความสนใจในแฟชั่นมากขึ้น โดยในปี 2018 เขาได้ร่วมมือกับแบรนด์ Tommy Hilfiger เปิดตัวคอลเลกชันร่วมกันในงาน New York Fashion Week ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักออกแบบแฟชั่นอย่างเต็มตัว 

แฮมิลตันยังเคยสวมใส่ชุดที่มีความโดดเด่นในงานต่างๆ เช่น ชุดลูกไม้สีขาวจาก Kenneth Nicholson ในงาน Met Gala ปี 2021 และชุดสูทปักคริสตัลจาก Burberry ในงาน GQ Global Creativity Awards ปี 2024 เขายังได้ร่วมงานกับแบรนด์หรูอย่าง Dior โดยเปิดตัวคอลเลกชันร่วมกับ Kim Jones ในปี 2024 

 

ในปี 2025 แฮมิลตันได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ้าภาพของงาน Met Gala ซึ่งมีธีมว่า “Superfine: Tailoring Black Style” โดยเน้นการเฉลิมฉลองสไตล์การแต่งกายของคนผิวดำ แฮมิลตันกล่าวว่า “เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้ เขายังได้ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร Vogue ฉบับเดือนพฤษภาคม 2025 โดยสวมชุดสูทจาก Ferragamo และเครื่องประดับจาก Tiffany & Co. ซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลในแฟชั่นของเขา  

แฮมิลตันไม่ใช่นักกีฬาคนเดียวที่มีบทบาทในวงการแฟชั่น นักกีฬาคนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในด้านนี้ หนึ่งในชื่อแรกที่โดดเด่นคือ Serena Williams นักเทนนิสผู้ทรงอิทธิพล ที่ปรากฏตัวในชุดหรูสุดอลังการจากแบรนด์ Gucci และ Versace หลายปีติดต่อกัน แสดงถึงความมั่นใจและพลังของผู้หญิงผิวสีในวงการแฟชั่น อีกหนึ่งแฟชั่นไอคอนจากวงการกีฬาอย่าง Russell Westbrook นักบาส NBA ขึ้นชื่อเรื่องสไตล์การแต่งตัวที่ไม่ตามใคร เขาเคยปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวจากแบรนด์ Thom Browne ที่กลายเป็นไวรัลบนโซเชียล ส่วน Tom Brady อดีตกองหลัง NFL ระดับตำนาน ก็เคยร่วมเดินพรมแดง Met Gala หลายครั้งในฐานะคู่รักของ Gisele Bündchen ซูเปอร์โมเดลระดับโลก

Maria Sharapova นักเทนนิสหญิงจากรัสเซีย ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแทนความสง่างามบนพรมแดง เธอเลือกชุดที่หรูหราแต่เรียบง่ายจากแบรนด์อย่าง Gabriela Hearst ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของนักกีฬาหญิงยุคใหม่ที่ทั้งเก่งและมีสไตล์ ด้าน Odell Beckham Jr. นักอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง ก็เคยสร้างความประหลาดใจด้วยแฟชั่นแนว avant-garde และแสดงให้เห็นว่านักกีฬาชายก็สามารถเป็นแฟชั่นไอคอนได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า นักกีฬาในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่แข่งขันในสนามเท่านั้น แต่ยังแข่งขันกันด้วยรสนิยมและสไตล์ในพื้นที่แฟชั่นระดับโลกอย่าง Met Gala อีกด้วย

F1 ในวันนี้ไม่ใช่แค่กีฬาความเร็ว แต่คือแพลตฟอร์มวัฒนธรรมที่ผสานสไตล์ ชื่อเสียง และพลังทางการตลาดไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นี่คือ “การแข่งที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ต้องสง่างามด้วย”

TAGS: #Fashion #metgala #formula1 #f1