JKN ลดสัดส่วนหุ้นเพิ่มทุน ย้ำฐานะการเงินแกร่ง ไม่หวั่นกระแส พร้อมเล็งนำบ.ลูก Spin off เข้าตลาดหุ้น

JKN ลดสัดส่วนหุ้นเพิ่มทุน ย้ำฐานะการเงินแกร่ง ไม่หวั่นกระแส พร้อมเล็งนำบ.ลูก Spin off เข้าตลาดหุ้น
JKN ปรับลดสัดส่วนหุ้นเพิ่มทุน หลังธุรกิจ MUO ปังเกินคาด สร้างสภาพคล่องที่ดีให้บริษัทฯ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 65 ประมาณ 3,700-3,900 ล้านบาท จ่อนำบริษัทลูกดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม Spin off เข้าตลาดหุ้น คาดชัดเจนภายใน 2 ปี

 

คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN ได้ชี้แจงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้เห็นชอบการกำหนดออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน RO ลดลงเหลือจำนวน 510,043,387 หุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม และเปลี่ยนอัตราการใช้สิทธิเป็น 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อขายเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) ให้แก่ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GP Group ภายใต้การบริหารงานของคุณนิชิต้า ชาห์ และครอบครัวชาห์ เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ MUO จำนวน 66,666,666 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย 4.50 บาท คิดเป็นมูลค่า 300,000,000 ล้านบาท

โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้บริษัทฯจะได้รับเงินจำนวน 1,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินเพิ่มทุน RO จำนวน 1,100 ล้านบาท และจากเงินเพิ่มทุน PP จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมองว่าการปรับลดสัดส่วนการเพิ่มในครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ หลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจ MUO ที่ผ่านมา ทำให้มีสภาพคล่องจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

“หลังจากที่เราได้ประกาศเข้าซื้อมิสยูนิเวิร์ส (MUO)ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราสามารถคืนทุนได้แล้ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้เรายังจะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท จากการตอบรับเป็นเจ้าภาพที่เอลซัลวาดอร์เข้มาด้วย ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากการตอบรับการเป็นเจ้าภาพอีก 2 ประเทศ โดยอยู่ระหว่างการเตรียมเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้ ” คุณจักรพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯขอย้ำว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้ไม่กระทบต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ และยังเป็นการรองรับขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลก ที่สำคัญยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินให้บริษัทฯด้วย

คุณจักรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 โดยบริษัทฯตั้งเป้ารายได้ ประมาณ 3,700-3,900 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.01 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.97 เท่า โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้ จะมาจากธุรกิจคอนเทนท์ 50-60% ธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส 25-30% และธุรกิจคอมเมิร์ซ 20-25%

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนนำบริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม Spin off เข้าตลาดหลักทรัพย์ตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ไม่เกิน 2 ปี

TAGS: #JKN