สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดแถลงข่าวด่วนในหัวข้อ “การประสานความร่วมมือกับ ปปง. และการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.” โดยทาง ก.ล.ต. มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการจัดการเรื่องสแกมเมอร์ ที่ใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือหลอกลวงและฟอกเงิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต.จึงเข้าหารือกับปปง. เพื่อประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
คุณพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐฯ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด โดยพุ่งเป้าไปที่ตัวกลาง ซึ่งอาจเป็นช่องทางฟอกเงิน รวมถึงตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนที่มีข้อสงสัยว่ามีการนำเงินผิดกฎหมายมาซื้อขายหุ้น
ด้านคุณธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ชี้แจงถึง กระแสข่าว ก.ล.ต.ตรวจสอบผู้ถือหุ้น 7 บริษัทจดทะเบียนฯ เอี่ยวสแกมเมอร์ต่างชาติ ผ่านการใช้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน (นอมินี) โดยระบุว่า ทาง ก.ล.ต. ไม่ได้ออกข่าวว่ามี 7 บริษัทฯ ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก และยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาแล้วเสร็จได้ หากตรวจสอบขยายผลแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม จะนำมาใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต. ต่อไป
ทั้งนี้กระบวนการตรวจสอบดังกล่าวยังเป็นการให้ความสำคัญต่อผู้ถือหุ้น โดยดูแลในส่วนของผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ผ่านการปฏิบัตินามหลักเกณฑ์การรายงานแบบ 246-2 เท่านั้น ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ย้ำความร่วมมือกับหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อปิดช่องโหว่ และรักษาความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของระบบตลาดทุนไทยในระยะยาว
อย่างไรก็ดี กรณีหุ้น JKN ของ “แอน จักรพงษ์” ซึ่งได้ลี้ภัยไปต่างประเทศ ทาง ก.ล.ต.ได้ดำเนินการตามขอบเขตของ ก.ล.ต.คือ กล่าวโทษและประสานดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อย พร้อมย้ำว่า ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมให้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้นำตัวคุณแอนกลับมารับโทษตามกฎหมาย