“เอกนิติ” ชี้ Quick Big Win หัวใจพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย!! พร้อมผลักดันการลงทุนสร้างรากฐานอย่างยั่งยืน

“เอกนิติ” ชี้ Quick Big Win  หัวใจพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย!! พร้อมผลักดันการลงทุนสร้างรากฐานอย่างยั่งยืน
“เอกนิติ” รองนายกฯ และรมว.คลัง ชี้ Quick Big Win คือหัวใจพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย! เดินหน้า “แก้หนี้ครัวเรือน-ช่วยเหลือ SMEs-หวยเกษียณ” พร้อมย้ำจุดยุทศาสตร์การลงทุนไทย สร้างรากฐานเศรษฐกิจยั่งยืน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมงาน “THAILAND THE NEXT 4 YEAR” ซึ่งจัดขึ้นโดย 2 สำนักข่าว “The Better และ มิติหุ้น” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมกล่าวในหัวข้อ “Quick Big Win : Foundations for the Next 4 Years” โดยระบุว่า โครงการ Quick Big Win เกิดขึ้นจากรัฐบาลและหน่วยงานเศรษฐกิจร่วมหารือเพื่อหาแนวทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวและเกิดปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นที่เห็นผลเร็วและกระจายตัว ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ดำรงตำแหน่ง

โดยโครงการ Quick Big Win มีเป้าหมายคือการ กระตุ้นสั้น (Quick) ได้ยาว (Big Win) และกระจายตัว ไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจทุกกลุ่ม เพื่อฟื้นฟูและสร้างความยืดหยุ่นให้กับเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย รวมถึงช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางการคลัง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยมาตรการ คนละครึ่งพลัส และการเติมเงินให้กับผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นับว่าเป็นการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วควบคู่กับการเร่งรัดการลงทุนในโครงการสำคัญ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้าน พลังงานสะอาด เพื่อสร้างมูลค่าการลงทุนและกระตุ้นการจ้างงาน

นอกจากนี้มาตรการ คนละครึ่งพลัส ยังให้อะไรที่มากกว่าเงินสนับสนุน เริ่มจากเงื่อนไขการรับเงินและวงเงินที่แตกต่างกันไป เช่น ผู้ที่ยื่นภาษีจะได้รับวงเงินรวม 2,400 บาท และผู้ที่ไม่ยื่นภาษีจะได้รับวงเงิน 2,000 บาท เพื่อ ปฏิรูปและขยายฐานภาษีของประเทศอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส ที่เข้าสู่ระบบภาษีและฐานข้อมูลของรัฐฯ ยังได้รับสิทธิประโยชน์ 2 ด้าน คือ การเพิ่มยอดขาย/รายได้ และการพัฒนาศักยภาพ/องค์ความรู้ ผ่านโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) เพื่อสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาวตามนโยบาย Quick Big Winของรัฐบาล

อย่างไรก็ดีมาตรการ คนละครึ่งพลัส มีวงเงินรวมสูงถึง 44,000 ล้านบาท มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ไม่ได้ใช้เงินใหม่ หรือกู้เงินใหม่ทั้งสิ้น จึงไม่ได้สร้างปัญหาภาระหนี้เพิ่มให้ประเทศ รวมถึงรัฐบาลได้ร่วมมือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานสถาบันการเงินไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ผ่านการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มาปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อย ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้มีกำลังผ่อนตามความสามารถ ไม่ถูกปิดกั้นจากเครดิตบูโร

ส่วนด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs นั้น รัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาทางการเงินอย่างเร่งด่วน และการสร้างโอกาสในการเติบโตในระยะยาว ให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย โดยให้แบงก์รัฐ ใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ช่วยต่อลมหายใจให้กับ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งธปท.เร่งหารือกับสมาคมธนาคารไทย ตั้งกองทุนค้ำประกันสินเชื่อ SMEs วงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยกองทุนจะช่วยรับความเสี่ยงแทนสถาบันการเงิน 10-30%

รวมถึงอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs “พี่ช่วยน้อง (Big Brother)” ซึ่งอาศัยความร่วมมือระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจชุมชน หวังช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในขณะที่การช่วยเหลือ “คนตัวเล็ก” ภาครัฐเล็งเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ซื้อหวย จึงมีนโยบายส่งเสริมการออมระยะยาวให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่มีเงินออมสำหรับวัยเกษียณ ผ่านโครงการ “สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรือ “หวยเกษียณ” ซึ่งมีจุดเด่นคือ เงินที่ใช้ซื้อสลากจะไม่หายไปไหน แต่จะถูกนำไปเก็บสะสมเป็น เงินออมในบัญชีส่วนบุคคลของผู้ซื้อกับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ซื้ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ จะสามารถถอนเงินทั้งหมดที่ซื้อสลากมาตลอดชีวิต พร้อมกับผลตอบแทนจากการลงทุน ออกมาใช้ในยามเกษียณ

ด้านนโยบาย “การลงทุนเพื่ออนาคต” ของรัฐบาล นายเอกนิติ กล่าวว่า “ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศไร้อนาคต จากไฟล์ข้อมูลคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยมากถึง 2 ล้านล้าน ทั้งในกลุ่มธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) กลุ่มธุรกิจแปรรูปอาหาร (Food Processing) กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล (Hospital) กลุ่มธุรกิจการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์สมัยใหม่ (Automotive Industry) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Smart Electronics) และกลุ่มธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) แต่ติดปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการขออนุญาตต่าง ๆ ทำให้ไม่เกิดการลงทุนได้จริง ส่งผลให้ล่าสุด ครม.เศรษฐกิจ อนุมัติโครงการ “Thailand Fast Pass” เพื่อเร่งรัดการลงทุนให้กับโครงการที่พร้อมลงทุนในปี 2568-2570 นำร่องโครงการขนาดใหญ่ 80 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่”

ทั้งนี้ยังมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน อาทิ ด้านระบบส่งไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ด้านพื้นที่ลงทุน มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ (Upskill & Reskill)โดยตั้งเป้าสร้างบุคลากรทักษะสูง 100,000 คน ภายใน 4 เดือน รวมถึงมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมาตรการทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือ Foundations for the Future ที่จะช่วยเสริมสร้างรากฐานความยั่งยืนให้กับภาพรวมเศรษฐกิจไทยต่อไปได้ในระยะยาว

TAGS: #เอกนิติ” #QuickBigWin #เศรษฐกิจไทย!! #การลงทุน