รัฐสภาไทยประสบความสำเร็จ IPU ลงมติ 2 ใน 3 บรรจุ "ปราบสแกมเมอร์-องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ"เป็นวาระเร่งด่วน ไร้เงาผู้แทนกัมพูชาร่วมโหวต
นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไทยที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ครั้งที่ 151 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดใจถึงกรณีที่ร่างข้อมติของไทยว่าด้วยการปราบปรามสแกมเมอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ชนะโหวตในวงประชุมใหญ่ IPU ได้รับการบรรจุเป็น “วาระเร่งด่วน ” หรือ Emergency item ครั้งประวัติศาสตร์
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แม้จะได้รับความร่วมมือที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะจากประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน แต่การจะชนะโหวตด้วยคะแนน 2 ใน 3 นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
นายรังสิมันต์ อธิบายว่า ความยากเป็นเพราะคะแนนจากกลุ่มประเทศที่แบ่งกันตามภูมิภาค เช่น แอฟริกา ละตินอเมริกา และยุโรป แต่ละกลุ่มมีคะแนนรวมกันสูงมาก โดยเฉพาะยุโรปที่มีคะแนนมากที่สุด ไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยเจรจากับประเทศต่างๆ เหล่านั้น เพื่อขอการสนับสนุน
“ต้องขอขอบคุณประเทศออสเตรเลียที่สนับสนุนไทยอย่างแข็งขัน ช่วยเป็นตัวเชื่อมให้ไทยได้คุยกับกลุ่มประเทศในยุโรป โดยเฉพาะโปแลนด์ที่ทำหน้าที่เชื่อมไทยกับประเทศในยุโรปชาติอื่น ๆ อีก เช่น สวีเดน และยังรวมถึงละตินอเมริกาด้วย” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นไทยโฟกัสเฉพาะเรื่องศูนย์กลางสแกมเมอร์ และอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดนเท่านั้น แต่เราก็ต้องยอมรับว่าการจะได้รับเสียงสนับสนุนมากพอ ต้องมีการเจรจาและสอบถามความต้องการของเพื่อนสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ ด้วย และเราพบว่ากลุ่มประเทศละตินอเมริกาและยุโรปต้องการผลักดันเรื่อง 'อาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ' และ 'ขบวนการค้ายาเสพติด' ซึ่งเมื่อทีมรัฐสภาไทยนำมาพิจารณาแล้ว ก็พบว่าเรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ของไทยด้วยเช่นกัน จึงนำประเด็นความต้องการเหล่านี้มารวมกันกับของไทย และประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
“ทีมเลขาฯของรัฐสภาก็ร่วมทำงานด้วยกันจนดึกดื่นทุกคืน ต้องพูดคุยเจรจา เพราะการจะนำ 3 เรื่องจาก 3 ทวีปมารวมกันเป็นข้อมติเดียว ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถึงแม้จะมีหัวข้อใหญ่เดียวกัน แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันมาก แต่ข้อดีก็คือ เมื่อร่างข้อมตินี้ผ่านเกณฑ์ 2 ใน 3 และได้รับการบรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน เมื่อถึงในชั้นของกรรมาธิการยกร่าง คงจะทำงานกันง่ายขึ้น เพราะเหมือนกับได้ทำงานร่วมกันมาก่อนแล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของกัมพูชา ว่า “หายไปไหน ทำไมไม่มาโหวต” ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็พูดทำนองว่าจะไม่คัดค้าน แต่ท้ายที่สุดก็หายไป ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะการทำงานเรื่องสแกมเมอร์ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศ
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ เพราะเป็นร่างข้อมติเพื่อเสนอเป็น “วาระเร่งด่วน” หรือ Emergency item ร่างแรกที่เสนอโดยประเทศไทย แล้วผ่านเข้าสู่เวทีใหญ่ IPU ได้สำเร็จ และยังถือว่าได้คะแนนโหวตสูงมาก เพราะตั้งเป้าไว้ว่าได้ประมาณ 700 คะแนนก็มากแล้ว แต่คะแนนออกมาได้ไปมากกว่า 800 คะแนน