ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จัดเสวนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “ถอดรหัสความสำเร็จทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้ชนะอนาคต” จากทายาทเซ็นทรัลกรุ๊ป และไทยประกันชีวิต เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
กลับมาพบกันอีกครั้ง เป็นปีที่ 3 กับงานสัมมนา The 3rd SET Annual Conference on Family Business: Transforming Family Business ซึ่งจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ให้สามารถปรับตัวพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการก้าวเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว
โดยช่วงหนึ่งของงานได้จัดเสวนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟในหัวข้อ “ถอดรหัสความสำเร็จทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้ชนะอนาคต” จากทายาทเซ็นทรัลกรุ๊ป และไทยประกันชีวิต กล่าวถึงแนวทางการดูแลสมาชิกครอบครัวไปพร้อมดูแลธุรกิจ การริเริ่มทำธรรมนูญครอบครัว การบริหารความมั่งคั่ง การเตรียมส่งต่อ และที่สำคัญการตัดสินใจและกลยุทธ์การทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัญหาครอบครัวน้อยลง เมื่อเลือก “คนเก่ง” ขึ้นมาบริหาร
ด้าน นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เริ่มต้นจากธุรกิจห้องแถวเล็กๆ จนปัจจุบันมี 4 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยทายาทตระกูล “จิราธิวัฒน์” รวมถึงบริษัทภายใต้กลุ่มบริษัทเซ็นทรัลมีจำนวนเยอะมาก แต่เราสามารถรวมเป็น 1 โครงสร้างได้ ทำให้ง่ายต่อการบริหารและมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งกระบวณการทรานฟอร์มธุรกิจให้มีความยุติธรรม เราจัดการเลือกตั้งกรรมการทุก 4 ปี โดยมาจากทุกครอบครัวของตระกูลคัดเลือกเข้ามา เพื่อบริหารจัดการส่วนใดส่วนหนึ่ง รวมถึงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง เราเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก “คุณวิโรจน์ ภู่ตระกูล” เข้ามาพลิกบทบาทการบริหารงานของเซ็นทรัล กรุ๊ป จากระบบกงสี ที่เป็นธุรกิจของตระกูลจิราธิวัฒน์ สู่แนวคิดการบริหารแบบ "ซีอีโอ" พร้อมให้ข้อคิดและกฎระเบียบครอบครัวมากมาย เมื่อธุรกิจเติบโต ปัญหาเรื่องปากท้องหรือครอบครัวจะไม่มี ทุกคน Happy กลับกันหากบริษัทเกิดความเสียหาย ทุกคนจะเดือดร้อนและมีปัญหาครอบครัวตามมา การคัดเลือกคนเก่งเข้ามาบริหารจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตต่อไปได้”
ไม่ยึดติดคนในตระกูล แต่มืออาชีพคือแกนหลัก
ส่วน นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จุดเปลี่ยนของธุรกิจครอบครัวไทยประกันชีวิต มาจากการร่วมมือกับพาทเนอร์ต่างชาติที่เป็นบริษัทประกันชีวิตของญี่ปุ่น เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เราต้องปรับตัว จัดตั้งแผนธุรกิจที่โปร่งใสและถูกต้อง จนสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายหลังวิกฤตโควิด-19 สำเร็จ ด้วยมูลค่าระดมทุนรวมกว่า 37,000 ล้านบาท โดยธุรกิจประกันต้องอาศัยคนที่มี Technical และจบเฉพาะทางจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันบริษัท ไทยประกันชีวิต มีพนักงานกว่า 3,000 คน มีผู้บริหารระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเพียง 3 คน ที่มาจากคนในครอบครัว “ไชยวรรณ” การทรานฟอร์มธุรกิจเราจึงมองว่าอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนในครอบครัวเสมอไป แต่ควรมีคนในครอบครัวที่สแตนด์บายเผื่อมืออาชีพลาออก หรือเพื่อให้รู้ข้อเท็จจริงในธุรกิจ เนื่องจากวิสัยทัศน์ (Vision) ของคนในครอบครัวบางคนอาจอยากทำธุรกิจอื่นนอกบ้าน”