"ณัฐพงษ์" ยันจุดยืนเดิม บางส่วนของ ม.112 มีปัญหา ต้องแก้ภายในกรอบคำวินิจฉัย ศาลรธน. ตอบไม่ได้จะมีอุบัติทางการเมืองอีกหรือไม่ เผย ปชน. เตรียมคนไว้พร้อมอภิปรายวันแถลงนโยบายแล้ว
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เผย การเตรียมความพร้อมฝ่ายค้านในการอภิปรายวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีการเริ่มกระบวนการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งในส่วนของพรรคประชาชนมีการเปิดลงชื่อให้ สส.แสดงความประสงค์ในการอภิปราย ซึ่งมีการแบ่งเนื้อหาและประเด็นวิพากษ์วิจารณ์บุคคลที่จะมาดํารงตําแหน่งในคณะรัฐมนตรี รวมถึงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเราเห็นว่า ภายใต้กรอบ MOA การยุบสภาภายใน 4 เดือนนั้น หากทําให้การดําเนินนโยบายหลายๆ อย่าง ที่อาจสร้างภาระผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป เพราะจะต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่า ประชาชนอยากเห็นหน้าตาของรัฐบาลเป็นอย่างไร หรือการใช้ประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ
ดังนั้น หากการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่มีความเสี่ยงซึ่งจะทําให้ประเทศตกอยู่ใต้ผลผูกพัน มีภาระทางการคลัง ก็เป็นกรอบกว้างๆ ที่สส.พรรคประชาชนเตรียมเอาไว้
สําหรับคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาดํารงตําแหน่งคณะรัฐมนตรี จากใครที่มีประวัติไม่ดี หรือวิญญูชนเห็นได้ ว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องผลประโยชน์หรือคดีต่างๆ
เมื่อถามว่าช่วงระยะเวลา 4 เดือนนี้ ประชาชนจะได้อะไรจากรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ เห็นว่า สิ่งสําคัญในตอนนี้คือการเดินหน้าตามกรอบ MOA ยุบสภาให้เกิดการเลือกตั้ง และเปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเราสังเกตจากการให้ข้อคิดเห็นจากตัวแทนพรรคต่างๆ ตอนนี้ก็เห็นตรงกันว่า เราสามารถเดินหน้าแก้ไขหมวด 15 ภายในระยะเวลา 4 เดือนนี้ได้เลย แม้จะเป็นระยะเวลาที่สั้น แต่หากเราบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อยู่ในกรอบระยะเวลาที่สามารถทําได้ทัน
ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ก็เป็นปัญหาที่สําคัญไม่แพ้กัน รัฐบาลในช่วงนี้ต้องใช้งบประมาณอย่างระมัดระวังเท่าที่จําเป็น ไม่สร้างภาระทางการคลังต่อรัฐบาลในอนาคตจนเกินควร
เมื่อถามถึงการหารือเรื่องประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เรื่องหลักคือการชี้แจงให้กับเพื่อน สส.เห็นกรอบระยะเวลาไทม์ไลน์ ว่าการแก้ไขหมวด 15 สามารถเป็นไปได้ แต่จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง รวมถึงอาจมีการตั้งประตูในการตรวจสอบ การปฏิบัติตามเงื่อนไข MOA ของพรรคภูมิใจไทย
เช่น หากเราบอกว่าอยากแก้ให้ทันภายใน 4 เดือน ดังนั้น ร่างวาระที่หนึ่งต้องยื่นเข้าสู่สภาภายในเมื่อไหร่ ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ รวมถึงต้องพิจารณาในวาระที่หนึ่ง ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ไปจบได้ก่อนช่วงสิ้นปีหรือไม่ ซึ่งในวันนี้จะมีการหารือกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมถึงใช้กรอบระยะเวลานี้เป็นเงื่อนไขในการกํากับดูแลตรวจสอบรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่ามีการดําเนินการไปตามสัญญาของ MOA หรือไม่
ส่วนมั่นใจหรือไม่ ว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่บิดพลิ้วหรือมีการขอเลื่อนออกไปก่อน นายณัฐพงษ์ ยืนยันเหมือนเดิมว่า สิ่งที่เราทําตอนนี้คือใช้ 143 เสียง สส.ของเรา ในการกํากับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตาม MOA ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นสัญญาณที่อาจมีการบิดพลิ้ว ถ่วงเวลา หรือไม่ปฏิบัติตามนั้น เราก็พร้อมตรวจสอบรัฐบาลทันที
เมื่อถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจําเป็นต้องใช้เสียง 1 ใน 3 มีการตกลงกันหรือไม่ว่า พรรคใดจะเป็นผู้ไปเจรจา นายณัฐพงษ์ ระบุว่า โดยหลัก สว.คงมีเอกสิทธิ์ของเขาเอง แต่ในทางการเมือง ตนเชื่อว่าสาธารณชนเองคงจะมองได้ ว่าใครพอจะไปประสานงานกับ สว.ได้บ้าง
นายณัฐพงษ์ ยังเชื่อว่า ถ้าทุกพรรคเห็นตรงกัน การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้แน่นอน หลังจากผ่านมา 2 ปีภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเราเห็นว่ากระบวนการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ช้า แต่เมื่อวันนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และเป็นผลดีกับประชาชนทุกคน และกับประเทศ คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว และเป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่
เมื่อถามว่าจะไม่ถูกปิดประตูโดย สว.ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนและเพื่อนในพรรคประชาชน ได้มีการประเมินไว้ล่วงหน้า หากต้องมีกระบวนการที่สะดุด หกล้ม เนื่องจากการขวางของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ว่าไม่ได้ปฏิบัติไปตาม MOA หรือไม่อย่างไร เราก็พร้อมใช้เสียง สส.ของเราในการคว่ำรัฐบาลทันที
เมื่อถามย้ำอีกว่า แต่เสียงของ สว.ไม่ได้อยู่ใน MOA นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เงื่อนไขบางอย่างอาจไม่สามารถระบุเป็นลายลักษณ์อักษรได้ทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่วิญญูชนสามารถรับรู้ได้ร่วมกัน จึงอยากให้ทุกพรรคแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สําหรับเรื่องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า พรรคประชาชนยึดหลักตามเดิมมาโดยตลอด ว่าทุกอย่างจะต้องปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ภายใต้กรอบทั้งสิ้น ซึ่งตนยืนยันว่า หากมองลงไปในกฎหมายฉบับนี้ บางส่วนก็ยังมีปัญหาแต่ว่า จะแก้อย่างไร ต้องอยู่ภายใต้กรอบคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี
สําหรับการใช้คําว่า พร้อมแก้เมื่อมีอํานาจนั้น จะไม่ทําให้พรรคประชาชนเกิดอุบัติเหตุต่อไปในอนาคตใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ เห็นว่า เรื่องนิติสงคราม ตนต้องขอบอกตามจริงว่าไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ แต่หากถามโดยหลักการและจุดยืน ตนเชื่อว่าสิ่งที่เราสะท้อนออกไป พบว่ากฎหมายฉบับนี้ ยังมีปัญหาบางประการจริงๆ ส่วนความเป็นไปได้ที่จะทําให้เกิดการรวมเสียง เพื่อผลักดันเรื่องดังกล่าวนั้น ก็อาจจะอยู่ที่ว่า เป็นจุดยืนร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล หรือจุดยืนของแต่ละพรรค ตนเชื่อว่า การเมืองในอนาคตยังมีทางออก ขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชน ที่จะมอบให้กับการเลือกตั้งครั้งหน้า
สําหรับกรณีที่พรรคประชาชนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่าทีในขณะนี้เป็นการเดินตามกรอบคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจเป็นการลดทอนอํานาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นีเป็นสิ่งที่ทําไมเราจึงต้องเดินหน้าเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และตัดสินใจเลือกนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เพราะนี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสําคัญ โดยเราต้องการวางบทบาทหน้าที่ขององค์กรอิสระให้เป็นไปตามหลักสากล เพื่อยุติกระบวนการนิติสงคราม
เมื่อถามถึงผลการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดเชียงรายซึ่งพรรคประชาชนพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย สวนทางกับผลโพลที่พรรคประชาชนยังได้รับความนิยม มีการวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างไร นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เราวิเคราะห์มาโดยตลอด และน้อมรับเสียงของประชาชนที่มอบให้ ไม่อยากไปโทษว่าเป็นปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง แน่นอนที่สุดตนมีความเชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ที่ระบบการเลือกตั้งมีการอํานวยความสะดวกต่อประชาชนมากขึ้น และประชาชนมองเห็นว่าคะแนนเสียงของพวกเขาจะส่งผลถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่าโฉมหน้ารัฐบาลครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ทําให้คนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงมากขึ้น และเลือกเพื่ออนาคตของเขาเอง
การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ตนน้อมรับแต่ต้องยอมรับตามจริงว่า เป็นการเลือกตั้งซ่อมที่แคนดิเดตทั้งสองคนอยู่ในฝ่ายค้าน หลายครั้งประชาชนอาจจะมีภารกิจประจําวัน ที่เขาอาจรู้สึกว่าเลือกไปอาจอยู่ได้ แค่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเฉพาะกาล หรือไม่ได้เลือกฝั่งรัฐบาล และจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี ตนยังเชื่อมั่น เรื่องความนิยมของพรรคอยู่ ว่าการเลือกตั้งในครั้งหน้าจะส่งผลให้พรรคประชาชนเดินหน้าไปเป็นฝ่ายบริหารได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอยู่ที่ความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน
เมื่อถามถึงการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งภายหลังมีการยุบสภา นายณัฐพงษ์ เห็นว่า มีเสียงสะท้อนจากประชาชนหลายส่วนว่า อยากเห็นรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ จากแต่ละภาคส่วนที่อยู่นอกฝ่ายการเมืองด้วย ซึ่งตนยืนยันว่า ในตอนนี้พรรคประชาชน เตรียมพร้อมมาก ๆ แล้ว และพร้อมจะเปิดตัวโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดถัดไป ถ้าเราได้รับความไว้วางใจเข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันว่า แต่ละคนจะเป็นคนที่ได้รับการยอมรับแน่นอนของแต่ละวงการ พร้อมเป็นคณะรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศ เพียงแต่ในตอนนี้ ยังไม่ได้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว เพราะฉะนั้น อาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อออกมาได้ ณ ตอนนี้
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า มีการเตรียมพร้อมไว้เกือบครบหมดแล้ว และสําหรับตําแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คงหนีไม่พ้นตน ส่วนคนอื่นๆ ยืนยันว่าส่งมากกว่าหนึ่งคน แต่จะเป็นคนในพรรคหรือเป็นคนนอกพรรคนั้น ในคณะรัฐมนตรีมีทั้งคนในและคนนอก สําหรับตําแหน่งนายกรัฐมนตรี คงต้องให้ข่าวอีกครั้งในภายหลัง
สําหรับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้จะมีความเป็นวิชาการมากกว่า แต่หากเทียบกับอดีตหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ อาจพาไปสู่การเลือกตั้งได้น้อยกว่า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า แต่ละคนก็ต้องเป็นคนสะท้อนมาถึงตัวตนเองด้วย ในส่วนตัวแล้ว มีความตั้งใจอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาที่สำคัญให้ประเทศ ว่าจะทําอย่างไร เมื่อเราเข้าสู่อํานาจ จะพร้อมลงโทษคนทําผิด และยุติวัฒนธรรมทําให้คนผิดลอยนวล เชื่อว่า ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเคยเลือกพรรคการเมืองใด ล้วนอยากเห็นประเทศไทยเดินไปในทิศทางนี้
"ผมสามารถให้คํามั่นสัญญาต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนได้คือ เจตจํานงและเป้าหมายของพรรคประชาชนในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น" นายณัฐพงษ์ กล่าวย้ำ
สําหรับกรณีหากได้เป็นรัฐบาลแล้วมีคนมาร้องเรียนในภายหลังนั้น ไม่ว่าจะมีคนมาร้องหรือไม่มีคนมาร้องก็เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ส่วนตัวคงไม่ได้เอาปัจจัยนี้ มาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจว่าเราจะทําอะไรให้เราต้องเสียต่อหลักการหรือจุดยืนของตนเอง ตนยังยืนยันว่า ทั้งตนและพรรคประชาชน จะรักษาในหลักการและจุดยืนเดิม เพียงแต่วิธีการในการสื่อสาร และการทําความเข้าใจ ต่อประชาชนทุกกลุ่ม อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจพรรคประชาชนมากยิ่งขึ้น
สําหรับกรณีที่เมื่อพรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาลแล้วทําให้พรรคภูมิใจไทยสามารถแทรกโควตาคนนอกได้นั้น ก็เป็นความเห็นของนางสาวรัชนก ศรีนอก สส.กทม พรรคประชาชน ในฐานะส่วนตัว แต่ตนต้องขอยืนยันอีกครั้งว่า พรรคประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่จะยืนยันในเรื่องนี้ได้ คือขอให้รอดูการทําหน้าที่ของพรรคประชาชนในการอภิปรายวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพียงแต่ในช่วงนี้ หากตนมีการแสดงความคิดเห็นอะไรไปก่อนแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงจริงขึ้นมา ก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกว่า เรามีส่วนในการเลือกรัฐมนตรีเข้าไป แล้วเราก็คงต้องรับผิดชอบ หรือแบกพรรคภูมิใจไทย ในการจัดตั้งฝ่ายบริหาร ซึ่งเรายืนยันมาโดยตลอดว่า เราเป็นฝ่ายค้าน