SMO ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น ปักหมุดเข้าเทรด SET ระดมทุนขยายโรงงาน

SMO ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น ปักหมุดเข้าเทรด SET ระดมทุนขยายโรงงาน
SMO ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น ปักหมุดเข้าเทรด SET ระดมทุนขยายโรงงาน ยกระดับสู่ผู้นำธุรกิจ “น้ำมันปาล์มดิบ” ของไทย

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า APM ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนฉบับแรก หรือไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 231,600,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.17 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO และบริษัทย่อย ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยกลุ่มบริษัทประกอบด้วยบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เป็นบริษัทใหญ่ มีทุนจดทะเบียน 920.00 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 688.40 ล้านบาท และบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท คือ 1.บริษัท มิตรประสงค์กรีนเพาเวอร์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 2.บริษัท เอ แอล ปาล์ม จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ และบริษัท ทีมอีโวลูชั่น จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.44 โดยปัจจุบันยังไม่มีการประกอบธุรกิจ

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า ด้วยบริษัทฯ เกิดจากผู้ก่อตั้งที่มีประสบการณ์มายาวนานทั้งด้านการจัดซื้อวัตถุดิบ ด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีการก่อสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์ม  ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 15 ปี นับจากเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ สามารถพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมั่นคง เติบโตอย่างแข็งแกร่งจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง กระจายอยู่ในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ 1.โรงงานสาขาท่าชนะ ตั้งอยู่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2.โรงงานสาขาพนม ตั้งอยู่อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3.โรงงานสาขาสระบุรี ตั้งอยู่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี และ 4.โรงงานของบริษัท เอ แอล ปาล์ม จำกัด (บริษัทย่อย) ตั้งอยู่อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ซึ่งครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์ของอุปทานปาล์มสดที่สำคัญของประเทศ โดย SMO เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 เมกะวัตต์ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) รวม 12.7 เมกะวัตต์ มีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มบริษัทที่สร้างความแตกต่างและสามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งวัตถุดิบ และถนนเส้นทางสายหลัก และการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งใน และต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขาย และลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโต๊ะกลมเพื่อการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Roundtable Sustainability Palm Oil: RSPO) 

ในขณะที่วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และ/หรือ ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดการผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ และลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

TAGS: #SMO #SET #IPO #น้ำมันปาล์ม