SCGP มั่นใจผลงาน Q2/68 เติบโตกว่า Q1/68 รับดีมานด์กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวจากนโยบายกระตุ้นภายในประเทศ พร้อมโชว์แผนรุกตลากอาเซียน-โอเชียเนีย สร้างการเติบโตต่อเนื่อง หลัง Q1/68 กวาดกำไร 900 ลบ.
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า คาดผลงาน Q2/68 เติบโตกว่า Q1/68 ตอบรับความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตจากนโยบายกระตุ้นภายในประเทศ โดยคาดว่า GDP จะเติบโตเฉลี่ย 2-7% และภาคการส่งออกยังเติบโตได้ดี หนุนผลงานทั้งปีนี้เติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ภาพรวมใน Q1/68 อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาเซียนเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเตรียมสินค้าก่อนถึงวันหยุดในไทยและอินโดนีเซีย การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าก่อนมาตรการภาษี
อย่างไรก็ตามความต้องการบรรจุภัณฑ์บางส่วนในจีนและเวียดนามได้รับผลกระทบจากวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ประกอบกับความต้องการในสินค้าคงทนที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จำกัดมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขายภายในประเทศภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งบริษัทฯ ใช้งบลงทุนช่วง Q1/68 แล้วราว 1,143 ลบ. หรือราว 4% จากแผนงบลงทุนรวมปีนี้ที่ 1.3 หมื่นลบ. แบ่งเป็นงบลงทุน M&P และขยายกำลังผลิต 8,000-10,000 ล้านบาท และงบลงทุนสำหรับซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และ ESG ราว 3,000-5,000 ล้านบาท
พร้อมโชว์สถานะการเงินที่แข็งแกร่ง จากเงินสดภายใต้การบริหารกว่า 12,211 ล้านบาท หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 64,110 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 4.0% (YTD ม.ค. – มี.ค. 2568) โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 3.4 เท่า
สำหรับต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการในภูมิภาค ขณะที่ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มทรงตัว และมีความท้าทายจากภาคการส่งออกที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยบริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning รวมถึงการจัดการต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงาน Q1/68 มีรายได้จากการขาย 32,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% (QoQ) มี EBITDA เท่ากับ 4,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% (QoQ) และมีกำไรสำหรับงวด 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ส่วนแผนการรับมือจากมาตรการภาษี (Reciprocal Tariff) บริษัทฯ ได้เตรียมแผนเชิงรุก มุ่งปรับตัวรวดเร็ว สร้างความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านคุณภาพสินค้า ความร่วมมือ สร้างความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence) เพื่อส่งมอบสินค้า บริการและโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนการใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงแผนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง อาทิ กลุ่มประเทศโอเชียเนีย พร้อมบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และการจ้างผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่แข่งขันได้ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในยุโรปตะวันออก
อีกทั้งยังเดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการมุ่งเน้นขยายตลาดในอาเซียน รวมถึงการเพิ่มโอกาสใหม่ในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เพื่อนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร โดยได้ร่วมลงทุนในบริษัทโฮวะ แพ็คเกจจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วน 25% กับ Howa Sangyo Company Limited เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ด้วยกำลังการผลิต 6,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนมิถุนายนปีนี้
รวมถึงบริษัทฯ เดินหน้าสร้างการเติบโตในตลาด Healthcare Supplies ผ่านการผสานความร่วมมือกับ Once Medical Company Limited (Once) เพื่อนำความเชี่ยวชาญมาผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาที่บริษัทวีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (VEM-TH) ในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนประมาณ 142.3 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม ปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ากระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาของประเทศไทย และช่วยเพิ่มโอกาสการขายผ่านช่องทางของ Deltalab, S.L. ในประเทศสเปนด้วย โดยบริษัทณ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (นับตั้งแต่ปี 68-73) แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้ราว 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนโดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชัน คิดเป็น 39% ของรายได้จากการขายรวมใน Q1/68 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2567 และล่าสุด Paper Cutlery หรือนวัตกรรมช้อน ส้อม และมีด ที่ผลิตจากกระดาษ แบรนด์ “Fest by SCGP” ได้รับรางวัลชนะเลิศ THAIFEX-HOREC Innovation Awards จากเวที THAIFEX-HOREC Asia 2025 นอกจากนี้ SCGP ขับเคลื่อน ESG เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในไตรมาสแรก สามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็น 42% จาก 38% ในปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้