กลุ่มบางจากฯเดินหน้าโครงการ SAF ต่อเนื่องเริ่มผลิตไตรมาส2 นี้

กลุ่มบางจากฯเดินหน้าโครงการ SAF ต่อเนื่องเริ่มผลิตไตรมาส2 นี้
กลุ่มบางจากฯ ยืนยันความพร้อมไร้ปัญหาขาดทุน ลุยต่อผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ตั้งเป้าวันละ 1 ล้านลิตรมีทั้งวัตถุดิบ เทคโนโลยี และตลาดรองรับ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง โครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ว่า โครงการมีความก้าวหน้าด้านการก่อสร้างแล้วกว่า 96% และอยู่ระหว่างการเตรียมเดินเครื่องในไตรมาส 2 ของปี 2568 โดยมีแผนเริ่มต้นจากการทดสอบสมรรถนะของโรงงาน (Plant Performance Test Run) และจะทยอยเพิ่มระดับการผลิต (Ramp-up) ไปสู่การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามสัญญาการจำหน่ายและแนวโน้มความต้องการของตลาด

 

ทั้งนี้โครงการ SAF ถือเป็นก้าวสำคัญของบางจากฯ จาก ผู้นำด้านพลังงานทดแทนสู่ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต ต่อยอดจากประสบการณ์กว่า 20 ปีในการจัดเก็บ(น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว UCO) เพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และมีความได้เปรียบเชิงต้นทุน ด้วยการใช้ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานของโรงกลั่นเดิม ช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างและการดำเนินงาน

ทั้งนี้ บางจากฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย SAF กับลูกค้าหลักแล้ว และรับจ้างการกลั่น (Tolling) อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง  โดยมีแผนการผลิตรวมอยู่ที่ 1 ล้านลิตรต่อวัน

อย่างไรก็ตามแม้ในหลายประเทศยังไม่มีนโยบายบังคับผสม SAF ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย แต่ความต้องการเชื้อเพลิง SAF ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก จากแรงขับเคลื่อนของเป้าหมาย Net Zero และการลดคาร์บอนในภาคการบิน

ขณะเดียวกัน หลายภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป ได้เริ่มกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำที่ 2% ภายในปี 2025 ซึ่งสะท้อนทิศทางที่ชัดเจนและสร้างแรงจูงใจในการลงทุน แม้ในระยะสั้นตลาด SAF อาจยังมีปริมาณเหลืออยู่บ้าง แต่ในระยะยาวเริ่มจากปี 2030 กลับมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะขาดแคลน เมื่อข้อกำหนดบังคับเริ่มทยอยมีผลในหลายประเทศทั่วโลก

ส่วนหน่วยผลิต SAF ของกลุ่มบริษัทบางจาก ดำเนินการโดยบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด จะมีพิธีเปิดในวันที่ 25เมษายน 2568 ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัทบางจากในการต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายชัยวัฒน์  กล่าวว่า โครงการ SAF ไม่ได้มีปัญหาการขาดทุน ขณะนี้มีวัตถุดิบ UCO ในสต็อกอยู่แล้ว 25ล้านลิตร และมีซัพพลายเออร์รายใหญ่และรายเล็กรวม 10 ราย  ซึ่งมีวัตถุดิบไม่ต่ำกว่า 50% โดยที่เหลือสามารถจัดซื้อจากต่างประเทศ รวมทั้งสามารถใช้วัตถุดิบอื่นๆเช่นไขมันสัตว์ เป็นต้น

สำหรับลูกค้ามีการทำสัญญาซื้อขาย SAF แล้วในสัดส่วน 60%ของกำลังผลิต และอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพิ่มเติม โดยจะทำให้โครงการ มีจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3-5 ปี แต่หากหลายประเทศเลื่อนการใช้SAFจุดคุ้มทุนเลื่อนไปเป็น 5-7 ปี

 

TAGS: # กลุ่มบางจากฯ #น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน #SAF