ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเตรียมขึ้นเครื่องหมาย C เพิ่มอีกราว 50 บจ. หลังยกระดับมาตรการเตือนนักลงทุน มีผลใช้ 25 มีนาคม 2567
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างต่อเนื่องในการศึกษา ทบทวน และปรับปรุงเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการปรับปรุงเกณฑ์เพื่อยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การเข้าจดทะเบียน การดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนการเพิกถอน เพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียน
พร้อมทั้งเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลและการเตือนผู้ลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพให้ตลาดทุนไทย หลังจากการปรับปรุงการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหลักทรัพย์ให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลมากขึ้น ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์2567 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงเกณฑ์ 4 เรื่อง สำคัญดังนี้
1. ปรับปรุงคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนทั้ง SET และ mai โดยเพิ่มมูลค่ากำไรและส่วนของผู้ถือหุ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทั้งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับวันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนและผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ได้
โดยปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาจะมาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ขนาดและฐานะการเงินของบริษัทในประเทศไทย และมีการเทียบเคียงและแข่งขับกับตลาดในภูมิภาค ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯมองว่าปัจจุบันตลาดหุ้นบ้านเรามีมาตรการที่ผ่อนคลายในเรื่องของเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่ปี 2548
2. ยกระดับการเตือนผู้ลงทุน โดยเพิ่มเหตุที่จะเตือนผู้ลงทุนด้วยเครื่องหมาย ดังนี้
2.1 กรณีบริษัทจดทะเบียนมีความเสี่ยงด้านฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน สภาพคล่องทางการเงิน โดยบริษัทที่อยู่ในตลาด mai ต้องมีรายได้จากการดำเนินงานมากว่า 50 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่อยู่ใน SET ต้องมีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ต้องไม่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปี จน EQ น้อยกว่าทุนชำระแล้ว หรือผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินหรือตราสารหนี้
2.2 กรณีผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน รวมถึงถูก ก.ล.ต. สั่งแก้งบ หรือทำ Special Audit
2.3 กรณีบริษัทจดทะเบียนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ เป็น Cash Company มีคณะกรรมการตรวจสอบหรือ Free Float ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือไม่จัด Opportunity Day ตามที่กำหนด
โดยการเตือนผู้ลงทุนจะแสดงด้วยเครื่องหมายที่แตกต่างกันตามแต่ละเหตุ ซึ่งจะมีเครื่องหมาย CB ซึ่งจะถูกใช้ก่อนส่วนเครื่องหมาย CS , CC , CF จะทยอยตามมาทีหลัง ซึ่งเครื่องหมายใหม่นี้จะทดแทนเครื่องหมาย C (Caution) ในปัจจุบันด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C อยู่จำนวน 19 ราย และหากเครื่องหมาย CB มีผลผลบังคับใช้ 25 มีนาคมนี้คาดว่าจะเห็นบริษัทจดมะเบียนที่ถูกเพิ่มอีกราว 50 ราย
3. เพิ่มเหตุเพิกถอนกรณีบริษัทจดทะเบียนไม่มีธุรกิจต่อเนื่องหลายปี หรือไม่สามารถแก้ไข Free Float ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพเหมาะสมที่จะเป็นบริษัทจดทะเบียน
4. เพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณาคุณสมบัติบริษัทที่เข้าจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) และกรณีย้ายกลับมาซื้อขายหลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) ให้เทียบเท่ากับการเข้าจดทะเบียนใหม่ (New Listing) เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพใกล้เคียงกัน
โดยการปรับปรุงในข้อ 2–4 จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว
“มาตรการที่เราทำวันนี้มองว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราต้องปรับจูนเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เราอยากเพิ่มการเตือนผู้ลงทุนให้มากขึ้น เราจึงปรึกษากันว่าแต่ละจุดจะสามารถเพิ่มอะไรได้บ้าง ซึ่งตอนนี้เราจะไม่เน้นปริมาณเราจะเน้นด้านคุณภาพทั้งในเรื่องของผลการดำเนินงาน และกำไร อย่างน้อยจะช่วยสร้างความมั่นใจต่อผู้ลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดมากขึ้น และเราก็ยังมีตลาดรองรองรับที่ครอบคลุมการระดมทุนของบริษัททุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น SET mai และLiVEx”