ชงรัฐคุมเข้มประมงผิดกฏหมาย ปลดล็อคกฏเหล็กคู่ค้า

ชงรัฐคุมเข้มประมงผิดกฏหมาย ปลดล็อคกฏเหล็กคู่ค้า
หอการค้าฯถกรมช.เกษตรฯหนุนแก้ไขIUU ชง 6 ประเด็นขับเคลื่อนธุรกิจเกษตร- ปศุสัตว์-อาหาร  ยกระดับการแข่งขันผู้ประกอบการ

ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยหลังนำคณะกรรมการสายงานเกษตรและอาหาร หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องเข้าพบประชุมหารือร่วมกับ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ ว่า หอการค้าฯให้ความสำคัญกับภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เสาหลัก (Core Value Chain) ที่ ได้ดำเนินการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิกผู้ประกอบการ และสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา โดยต้องยอมรับว่าภาคธุรกิจเกษตรและอาหารมีความเกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ โดยมีพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 149 ล้านไร่  มีประชากรรายครัวเรือน จำนวน 7.9 ล้านครัวเรือน และมีการจ้างงานในภาคเกษตร แปรรูปภาคเกษตร มากกว่า 15 ล้านคน

ทั้งนี้ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแลของรมช.เกษตรฯเพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงประสานการทำงานอย่างบูรณาการให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งหอการค้าฯ มีความพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจเกษตรและอาหาร

สำหรับประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะเร่งด่วนที่ได้เสนอคือ1.การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และการค้ามนุษย์ด้านแรงงานของประเทศไทย ตามที่ สหภาพยุโรป (EU) ได้ให้ใบเขียวประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย และกำลังพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขการใช้แรงงานเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์

รวมถึงออกระเบียบห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้แรงงานบังคับ   อีกทั้ง กระทรวงต่างประเทศ สหรัฐฯ ได้จัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ปี 2023 อยู่ในระดับ Tier 2  และกำลังออกนโยบาย IUU Fishing ของ US ที่ครอบคลุมการแก้ไขประมงผิดกฎหมาย และลดการละเมิดสิทธิแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเล

ทางหอการค้าฯ ขอให้ประสานงานสมาคมการค้าและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนและรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางทะเล ด้วยมาตรการป้องกันปัญหาการประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU Fishing  และประสานงานกระทรวงแรงงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์  ด้านแรงงาน เพื่อยกระดับอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของประเทศไทยให้อยู่ในระดับ Tier 1 ในปี 2024

2.การส่งเสริมสินค้าเกษตร อาหาร ประมง และการอำนวยความสะดวกในการส่งออก-นำเข้า เสนอให้ กระทรวงเกษตรฯ กำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อสร้างความสมดุลและเสถียรภาพการนำเข้า-ส่งออกภาคเกษตรและอาหาร ระหว่างเกษตรกร และผู้ประกอบการส่งออก เพื่อให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน  รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์กุ้งปลอดโรค แข็งแรงและเติบโตได้ไว และหาแนวทางส่งเสริมและลดภาระต้นทุนการเลี้ยงให้กับเกษตรกร

ตลอดจนห่วงโซ่อุตสาหกรรม (Value Chain) ในการลดภาษีการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์ และควรผ่อนปรนการนำเข้าวัตถุดิบสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่า (Value Added) และส่งออก โดยไม่กระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงภายในประเทศ อาทิ กุ้งขาวแวนนาไม  สัตว์น้ำอื่นๆ (หมึก ปูทะเล ปลาซูริมิ) จากประเทศที่มีปริมาณผลผลิตจำนวนมาก หากมีการตรวจพบโรคระบาดที่ด่านนำเข้าให้สามารถส่งกลับคืนประเทศต้นทางได้ และสนับสนุนการหาแหล่งวัตถุดิบทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เป็นต้น

3. เสนอให้ปรับลดขั้นตอนการนำกลับสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ทำให้เพิ่มเวลาและค่าใช้จ่าย ระหว่างรอการพิจารณา  1 ถึง 1.5 เดือน และได้เสนอการตรวจรับรองระบบแหล่งผลิตเพื่อนำเข้าวัตถุดิบปศุสัตว์ เกรดไม่เหมาะสำหรับมนุษย์บริโภค (Inedible grade) ภายใต้พิกัด 0511.99.90 จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพื่อผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงรวมถึงข้อเสนอผ่อนผันกฎระเบียบการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไปสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People's Republic China)

4.ข้อเสนอเพื่อพัฒนาธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป  โดยได้เสนอให้ส่งเสริมยกระดับมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์ไทย (โดยเฉพาะกลุ่มโคเนื้อ แพะ) , ส่งเสริมและเพิ่มจำนวนโรงฆ่าสัตว์, โรงตัดแต่งเนื้อสัตว์, โรงคัดบรรจุ ที่มีมาตรฐานให้เพียงพอความต้องการ และ ส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชอาหารสัตว์ที่ขาดแคลนเพื่อลดการนำเข้าและส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ตลอดจน การแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้า-ส่งออก สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทย และการแก้ไขปัญหาเกษตรกรสุกรรายย่อย ขาดความสามารถในการแข่งขันเพื่อเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ เป็นต้น

5.เสนอการขับเคลื่อนโครงการปรับปรุงการทำประมงอย่างยั่งยืน (Fishery Improvement Project : FIP) และการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับมาตรการของสหภาพยุโรปในประเด็น CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism), Carbon footprint และการเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

6.เสนอการผลักดันการจัดทำระบบอาหารที่มีการกล่าวอ้างอาหารเชิงหน้าที่ (FFC Thailand) และ แนวทางข้อเสนอแก้ไขปัญหาการส่งออกสับปะรดกระป๋องของไทยมีแนวโน้มลดลงนับตั้งแต่ปี 2560 ตลอดจน ข้อเสนอแก้ไขปัญหาการแข่งขันของข้าวโพดหวานในตลาดโลกรุนแรงขึ้น

TAGS: #หอการค้าไทย #IUU #ประมง