ห่วงสงครามอิสราเอลยืดเยื้อ ทำราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนไทยขาดดุลการค้า​

ห่วงสงครามอิสราเอลยืดเยื้อ ทำราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนไทยขาดดุลการค้า​
นักเศรษฐศาสตร์แบงก์ห่วง สงครามอิสราเอลยืดเยื้อ ทำราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนไทยขาดดุลการค้า​ ค่าเงินบาทอ่อน​ รัฐบาลขาดทุนในกองทุนน้ำมัน​หนี้เพิ่มไปอีกจากการพยุงราคาน้ำมัน

นายอมรเทพ จาวาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เขียนข้อความในเฟสบุ๊กส์ อมรเทพ จาวะลา ว่า

ประเมินผลกระทบการโจมตีอิสราเอล

หลังจากที่ฮามาสโจมตีอิสราเอล​ และมีการตอบโต้จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก​ อีกทั้งสถานการณ์​ยังเสี่ยงรุนแรงและยืดเยื้อออกไป​ ผมมองว่าผลกระทบต่อไปมีทั้งทางตรงและทางอ้อม

ทางตรง

1. การส่งออก

2. การท่องเที่ยว

3. รายได้แรงงาน

ผลทางตรงน่าจะจำกัด​ อิสราเอลไม่ใช่คู่ค้าหลักของไทย​ (ส่งออกเน้นสินค้าเกษตร/อาหาร)​ ไม่ใช่กลุ่ม​ท่องเที่ยวสำคัญ​ แต่ให้ระวังด้านการขนส่งทางอากาศที่อาจต้องเปลี่ยนเส้นทางในตะวันออกกลางจนกระทบการท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ แม้มีแรงงานไทยไปทำงานส่งรายได้เข้าประเทศมาก​ แต่ยังไม่ใช่กลุ่มใหญ่​สุด​ น่าจะรองไต้หวัน​ อาจต้องขอดูจำนวนเทียบเกาหลีใต้หรือประเทศในตะวันออกกลางอื่นๆ (และขอแสดงความเสียใจ​กับครอบครัว​แรงงานไทยที่เสียชีวิตด้วยครับ) ด้านการลงทุนก็ยังไม่มาก

ทางอ้อม

1. ราคาน้ำมันพุ่ง

2. เงินวิ่งสู่สินทรัพย์​ปลอดภัย​ (ดอลลาร์​สหรัฐ)

3. ราคาทองคำขึ้น

ผมยังมองว่าผลทางอ้อมไม่น่ารุนแรง​ อิสราเอล​ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมัน​ อีกทั้งประเทศรอบข้าง​อย่างจอร์แดน​ก็ไม่ได้มีน้ำมันมาก​ น่าจะห่วงการขยายวงกว้างไป​อิหร่านหรือซาอุดีอาระเบีย​มากกว่า​ (ตอนนี้ยังไม่มีท่าทีไปไกล)​ หรือจะกระทบการขนส่งน้ำมันดิบผ่านทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน​ไปยุโรป​ แต่ก็ทำได้หลายช่องทาง​ (ระวังกระทบการขนส่งสินค้าทางเรือผ่านช่องแคบเช่นคลอง​ Suez และ​ supply chain disruption กลุ่ม​ยานยนต์​ อิเล็กทรอนิกส์) ผมจึงมองว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไม่น่าไปไกล​ เว้นแต่ประเทศอื่นเข้าร่วมสงครามนี้​ ส่วนพอน้ำมันพุ่ง​ ทองก็ขึ้นตาม​ ดอลลาร์​สหรัฐ​กลับมาแข็งเพราะเป็น​ safe haven

ที่ผมกังวลต่อตลาดทุนน่าจะมาจากบอนด์ยิลด์​พันธบัตร​รัฐบาลสหรัฐ​ที่ยังขึ้น​ จนเกิดการเทขายสินทรัพย์​เสี่ยง​ บาทเลยอ่อนได้อีก​ และที่ยิลด์ขึ้นน่าจะมาจากข่าววันศุกร์ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค​เกษตร​ของ​สหรัฐยังเพิ่ม​ แม้อัตราว่างงานจะคงที่​ 3.8% และอัตราเพิ่มของค่าจ้างจะเริ่มชะลอที่​ +0.2%จากเดือนก่อน​ แต่ยังห่วงว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้อีกในต้นเดือนพฤศจิ​กายนนี้​ CME​ Fed watch มองโอกาสขึ้นเพิ่มไปมากกว่า​ 20%แล้ว​ และหากราคาน้ำมันเพิ่มยาว​ ความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงก็มี

สรุป​ ผมห่วงปัญหาสงครามในอิสราเอล​จะยืดเยื้อและลามไปกระทบประเทศอื่นในตะวันออกกลาง​ ที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจนไทยขาดดุลการค้า​ ตลาดการเงินเสียเสถียรภาพ​ บาทอ่อน​ ห่วงการคุมราคาน้ำมันยิ่งทำให้รัฐบาลขาดทุนในกองทุนน้ำมัน​ หนี้เพิ่มไปอีก​ น่าหาทางใช้พลังงาน​ให้มีประสิทธิภาพ​  และอุดหนุนเฉพาะที่จำเป็น​ ผมยังเชื่อว่าสงครามจะจบในไม่ช้า​ แต่ก็ไม่มีใครรู้​ อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ลากมาเป็นปีก็ยังทำได้​ เราคงต้องหาทางลดผลกระทบกันดูครับ

*แก้ไขเนื้อหาจำนวนแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอล​ที่เดิมผมบอกมีไม่มาก​ แต่ผมไปเจอว่ามากสุดเป็นอันดับสองรองไต้หวัน​ น่าไปเช็คต่อที่กระทรวง​แรงงาน​กันดูครับ​ ไม่คอนเฟิร์ม