กรมเจรจาฯผนึกภาคเอกชน ช่วยผู้ประสบภัยตุรกี ย้ำไม่ส่งผลกระทบเอฟทีเอ พร้อมเปิดโต๊ะเจรจา มี.ค. นี้ ตั้งเป้าสรุปผลภายในปี’67
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในตุรกีจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับตุรกี เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไม่ใช่ศูนย์กลางทางการค้าและเมืองท่า โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศของตุรกี
ขณะเดียวกันจะไม่กระทบต่อแผนการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างสองประเทศ ซึ่งไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาข้อตกลงเอฟทีเอ ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 8 ในเดือนมีนาคมนี้ ที่ กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2567
ทั้งนี้ตุรกีถือเป็นคู่ค้าและมิตรประเทศสำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ และกลุ่มประเทศบอลข่าน โดยในปี 2565 ตุรกีเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 38 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 5 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำหรับการค้าระหว่างไทยและตุรกี มีมูลค่า 62,640 ล้านบาท ขยายตัว 20.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปตุรกี มูลค่า 49,190 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา เครื่องปรับอากาศ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง
ขณะที่ไทยนำเข้าจากตุรกี มูลค่า 13,450 ล้านบาท สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับอัญมณี และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้นำทีมข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บมจ.ซี แวลู บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ บจก.น้ำตาลมิตรผล บจก.เทพผดุงพรมะพร้าว บจก.โตโต้เบด บจก.มวยไทยพลัส กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์
กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้ส่งมอบสิ่งของจำเป็น อาทิ ผ้าห่ม หมวก ถุงมือและถุงเท้า เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผ้าอนามัย ผ้าอ้อม น้ำดื่ม ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และโอ๊ตมีลมัลติเกรนพร้อมแซลมอน ให้แก่รัฐบาลตุรกี รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท โดยมีนางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง