รัฐบาล “เศรษฐา 1” สาหัสดันนโยบายเศรษฐกิจขายฝันให้เป็นจริง แฟนคลับผิดหวังไม่ได้ตามสัญญา
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะทรงๆ ทรุดๆ เป็นภาระเร่งกิจเร่งด่วนของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
รัฐบาลของเศรษฐา 1 ไม่มีเวลาฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพราะประชาชนต่างเฝ้ารอรัฐบาลใหม่ที่ตั้งกันล่าช้ามานาน ให้เร่งเข้ามาทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ไวที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ที่สำคัญ ประชาชนเฝ้ารอรับทรัพย์จากนโยบายของเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งได้โหมโรงขายฝันนโยบายเศรษฐกิจชุดใหญ่จัดเต็ม เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนคลับตัวจริง และคนที่ไม่ใช่แฟนคลับตัวจริง เพราะหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะแจกจริงแจกเร็ว ตามที่หาเสียงไว้
นโยบายเร่งด่วนเศรษฐกิจที่ร้อนแรงที่สุดหนีไม่พ้น การแจกเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาทให้กับทุกคนอายุ 16 ปี ขึ้นไป เป็นจำนวนคนที่ได้สิทธิโดยไม่ต้องลงทะเบียน 50 ล้านคน โดยเงื่อนไขให้นำเงินไปซื้อของในร้านค้าชุมชนในรัศมีตามที่อยู่บัตรประชาชนไม่เกิน 4 กิโลเมตร โดยจะทยอยซื้อหรือซื้อครั้งเดียวก็ได้ โดยให้ใช้เวลาใช้บัตร 6 เดือน
หลังจากที่นายเศรษฐา ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ทุกคนคาดหวังจะได้เงินดิจิทัลซื้อของหมื่นบาททันที แต่ในความเป็นจริง การแจกเงินดิจิทัลกว่าจำทำระบบ หาเงินงบประมาณ อย่างเร็วน่าจะต้นปี 2567 เป็นอย่างเร็ว และจะได้เต็ม ใช้ง่ายใช้คล่อง ได้ผลคุ้มค่าอย่างที่ขายฝันไว้หรือไม่
นโนบายขายฝันต่อมาคือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ซึ่งมีการซ่อนเงื่อนไขไว้ว่าทำได้ในปี 2570 ไม่ได้ทันทีได้ 600 บาทต่อวัน ถึงกระนั้นเรื่องค่าแรงเป็นปมร้อนภาคธุรกิจไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะทยอยขึ้นก็ตาม เพราะทุกวันนี้ต้นทุนการผลิตสูงอยู่แล้ว ขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ หากขึ้นค่าแรงอีกก็เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ ถึงขนาดต้องเลิกจ้าง หรือ เลิกกิจการไปเลย ทำให้นโยบายขึ้นค่าแรง กลายเป็นนโยบายที่ทำให้คนไทยตกงานมากขึ้น
นโยบายขายฝัน ที่ร้อนไม่แพ้กัน คือการปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซ ทันที ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันแพง ค่าไฟขึ้น ดังนั้นนโยบายที่หาเสียงไว้ลดทันที จึงถูกเฝ้ารอว่าจะลดให้มากและนานแค่ไหน หรือ จะเป็นแค่ลูกเล่นหาเสียง ลดให้จริงแต่ลดนิดเดียวและลดเป็นการชั่วคราวไม่กี่เดือน และการลดก็ไม่ได้ทุกคน
เพราะการลดค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ต่างมีต้นทุน การลดราคา คือ รัฐบาลต้องควักเงินจ่ายแทน ทุกวันนี้กองทุนน้ำมันอย่างเป็นหนี้หลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลยังติดหนี้การไฟฟ้านับแสนล้านบาท หนี้เก่าใช้ไม่หมด และจะสร้างหนี้ใหม่เข้ามาเพิ่ม ฐานะการคลังของประเทศจะรองรับได้หรือไม่ เป็นอุปสรรคของนโยบายขายฝันค่าพลังงานทันทีของรัฐบาลเศรษฐา
นโยบายเศรษฐกิจ ขายฝันแล้วขายอีก ไม่เคยฝันเป็นจริงเสียที่ คือ“ค่าโดยสารรถไฟฟ้า กทม.” 20 บาทตลอดสาย ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลเศรษฐาจะทำได้จริง เพราะนโยบายขายฝันนี้เป็นนโยบายฝันค้างมาตลอด อย่าว่าแต่ประสบความสำเร็จ แค่ใกล้เคียงยังไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ส่วนนโยบายขายฝันอื่นของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของรัฐบาลเศรษฐา ทั้งทำให้ทุกครอบครัว มีรายได้ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท/เดือน การเพิ่มรายได้ของเกษตกรจะเพิ่มเป็น “3 เท่าภายในปี 2570” จากรายได้เฉลี่ย 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี การพักหนี้เกษตรกร 3 ปีทั้งต้น ทั้งดอกทันที นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟท์พาวเวอร์ จะยกระดับทักษะคนไทยให้เป็นแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน สร้างรายได้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อปี สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง
ทั้งหมดล้วนเป็นนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่โดนใจประชาชน แต่จะทำนโยบายขายฝันให้เป็นจริง เป็นเรื่องยาก ส่งผลให้ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีป้ายแดง ตกหล่มนโบายเศรษฐกิจขายฝันของตัวเองและของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลเศรษฐา 1 ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เพราะแฟนคลับผิดหวัง สัญญาแล้วไม่ให้จริง ไม่ให้ทันที