ปตท.ตอบรับเทรนด์รักสุขภาพส่ง “อินโนบิก”ขับเคลื่อนเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดัน NAM บริษัทร่วมทุนเข้าเทรดในตลาดหุ้นปีนี้ เจาะฐานลูกค้าเอเชีย-ยุโรป
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลัง อินโนบิก ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง (1992) จำกัด (นำวิวัฒน์ : NAM) ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์กลุ่มทำให้ปราศจากเชื้อ (sterilization) ชั้นนำในประเทศ โดย อินโนบิก ลงทุนในนำวิวัฒน์ วงเงินกว่า 800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนหุ้น 17.65% ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 181 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.86% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลัง IPO
การเข้าไปลงทุนของ อินโนบิก ในครั้งนี้ จะตอบโจทย์ เรื่องนวัตกรรมท้องถิ่น (Local Innovations) และช่วยสร้างความมั่นคงระบบสาธารณะสุข อินโนบิก ใช้เวลากว่า 2 ปีในการเข้าไปเจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุนกับ นำวิวัฒน์ เพราะเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะด้านการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ และร่วมกันขยายตลาดสู่ต่างประเทศ รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เครื่องมือที่ใช้ในห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน และห้องผู้ป่วยหนัก (ICU)
ปัจจุบันตลาดเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโต 5 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 10.45% ซึ่งส่วนใหญ่ยังพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ฉะนั้นความร่วมมือครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสการพัฒนาให้คนในประเทศสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานและสิทธิบัตรรับรอง ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในอนาคต
ด้านนายวิโรจน์ ชัยเทิดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) NAM กล่าวว่า NAM เป็นบริษัทประกอบกิจการค้าเครื่องมือแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้อุปกรณ์สะอาดและปราศจากเชื้อ มีบริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ร่วมถือหุ้น และหลังจากเข้าระดมทุนแล้ว อินโนบิก จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 15%
ทั้งนี้การระดมทุนในตลาดครั้งนี้ เนื่องจากต้องการขยายธุรกิจให้มากขึ้นรองรับความต้องการในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันจำนวนคนไข้ในแต่ละโรงพยาบาลมีมากขึ้น ขณะที่เครื่องมือแพทย์มีความซับซ้อนรวมถึงปัญหาโรคใหม่ๆที่เกิดขึ้น ทำให้มีปริมาณการใช้บริการโรงพยาบาลาสูงตามไปด้วย โดยที่ผ่านมา NAM ส่งออกอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เมียนมา หรือกลุ่ม CLMV รวมถึงจีน ด้วย และในอนาคตจะขยายการส่งออกไปอีกหลายประเทศ จึงต้องเตรียมความพร้อมด้านโรงงานผลิตฯ งานวิจัยและพัฒนา(R&D) บุคลากร ความชำนาญในธุรกิจ ซึ่งการมี อินโนบิก เข้ามาจะทำให้เกิด Synergy ร่วมกันและสร้างการเติบโตธุรกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ประเภทเครื่องฆ่าเชื้อแบบครบวงจรในตลาดโลก
สำหรับ NAM ประกอบธุรกิจหลักทางด้านการผลิตเครื่องมือแพทย์ประเภทเครื่องฆ่าเชื้อแบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนา วิจัย ผลิต จำหน่าย และให้บริการลูกค้าโรงพยาบาล สถานพยาบาล ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์มาตรฐานสากลระดับยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ยาวนานกว่า 50 ปี ปัจจุบัน มีลูกค้าโรงพยาบาลในประเทศไทยที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่กว่า 1,100 แห่ง และหากรวมโรงพยาบาลขนาดเล็กด้วย จะมีลูกค้ากว่า 1,500-1,600 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามเป้าหมายการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น บริษัท มาแผนการขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งการเติบโตของตลาดเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางอินโนบิก ก็จะนำเงินเข้าไปช่วยขยายโรงงานผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 ภายใต้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในการจัดสร้างโรงงานฯแห่งใหม่ขึ้นที่จ.สมุทรปราการ ใกล้กับพื้นที่โรงงานเดิม คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 เพื่อให้บริษัท มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยมากขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้จะมองหาโอกาสเพิ่มพันธมิตรในตลาดโลก เชื่อมโยงความร่วมมือเพื่อขยายตลาด ซึ่งมีการเจรจรากับพันธมิตรร่วมลงทุนหลายราย ทั้งในเอเชียฯ และยุโรป รวมถึงพิจารณาการลงทุนในหลายรูปแบบ
“มูลค่าตลาดในภูมิภาคเอเชียฯ เกือบ 4-5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ไทย มีมูลค่าตลาด อยู่ที่เกือบ 1 หมื่นล้านบาท โดย NAM มีรายได้ปีละ 1,000 ล้านบาท แสดงว่าที่เหลือยังเป็นการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์อยู่ ซึ่งมีโอกาสที่ธุรกิจจะขยายการเติบโต ได้ โดยให้ความสำคัญกับ R&D กำหนดสัดส่วนงบไว้ 5% ของรายได้ เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน และปัจจุบันเรามีอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่จดสิทธิบัตร 40-50 ชิ้นแล้ว ซึ่ง นำวิวัฒน์ ถือเป็นเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ฆ่าเชื้อทางการแพทย์ เบอร์ 1ในอาเซียน”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท มีการเติบโตของรายได้จากการขายและการให้บริการรวมอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายและบริการรวมในปี 2563 เท่ากับ 676.61 ล้านบาท กำไรสุทธิ 110.44 ล้านบาท ,ปี2564 รายได้เท่ากับ 995.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 169.68 ล้านบาท และปี2565 รายได้เท่ากับ 1,099.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ ประมาณ 175.71 ล้านบาท ซึ่งในปี 2566 คาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
