จีนระงับนำเข้าน้ำเชื่อม–น้ำตาลผสมไทยต่อเนื่อง โรงงานเสี่ยงปิดหลายสิบแห่ง กระทบอ้อยน้ำตาลทั้งระบบ

จีนระงับนำเข้าน้ำเชื่อม–น้ำตาลผสมไทยต่อเนื่อง โรงงานเสี่ยงปิดหลายสิบแห่ง กระทบอ้อยน้ำตาลทั้งระบบ
สมาคมอุตสาหกรรมน้ำตาลแปรรูปไทยเผย GACC ตรวจไม่ผ่านทุกโรงงานไทย สั่งขยายระงับนำเข้าเพิ่มอีก 4 พิกัดสินค้า ส่งผลผู้ประกอบการกว่า 40 รายเดือดร้อนหนัก เสี่ยงปิดกิจการกระทบชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ

นายทศพร เรืองพัฒนานนท์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมน้ำตาลแปรรูปไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ สำนักงานศุลกากรจีน (GACC) มีคำสั่ง “ระงับ” การนำเข้าน้ำเชื่อม (Syrup) และน้ำตาลผสมล่วงหน้า (Premixed Powder) จากประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ว่า ตลอดปีที่ผ่านมา สมาคมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขปัญหาและปรับปรุงมาตรฐานโรงงานเพื่อให้กลับมาส่งออกได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถปลดล็อกการส่งออกได้

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา GACC ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจโรงงานผู้ผลิตส่งออก 10 แห่งในไทย ผลปรากฏว่า ไม่มีโรงงานใดผ่านการรับรองมาตรฐานเลยแม้แต่แห่งเดียว แม้แต่ละโรงงานจะลงทุนปรับปรุงระบบการผลิต ห้องฆ่าเชื้อ และ Clean Room รวมถึงแยกพื้นที่ผลิตและสำนักงานให้สอดคล้องตามข้อกำหนดหลายสิบล้านบาทก็ตาม ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมไปจีนได้เลย สร้างความเสียหายรวมมูลค่าหลายพันล้านบาท

ก่อนหน้านี้ การระงับนำเข้าครอบคลุม 2 พิกัดสินค้า คือ 170290110 (Syrup) และ 1702901200 (Premixed Powder) ทำให้ผู้ประกอบการบางรายต้องปรับตัว โดยหันไปส่งออกสินค้าในพิกัด 2106 (น้ำตาลผสมสีหรือสารประกอบอื่น ๆ) ซึ่งจีนยังอนุญาตให้นำเข้าได้ชั่วคราว ทำให้ยังมีน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมจากไทยส่งออกได้หลายร้อยตู้คอนเทนเนอร์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจีนได้ ยกเลิกการผ่อนปรนดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถส่งออกสินค้าในกลุ่มน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมได้เลย ขณะนี้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกได้เพียงน้ำตาลทรายเท่านั้น ซึ่งยังมีข้อจำกัดด้านโควตา ทำให้สมาชิกสมาคมกว่า 47 รายได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หลายโรงงานเริ่มชะลอการผลิตและอาจต้องปิดกิจการ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย คาดว่าก่อนสิ้นปีนี้จะเหลือโรงงานที่ยังเปิดดำเนินการเพียง 3–5 แห่ง เท่านั้น

นายทศพรระบุว่า สมาคมฯ เป็นผู้รับซื้อน้ำตาลจากโรงงานน้ำตาลในประเทศรายใหญ่ที่สุด โดยมีปริมาณรับซื้อเฉลี่ยปีละ 3.6 ล้านตัน เพื่อใช้ในการผลิตและส่งออก หากไม่สามารถส่งออกสินค้าแปรรูปไปยังตลาดจีนได้ จะส่งผลให้การรับซื้อน้ำตาลลดลง และกระทบโดยตรงต่อ ราคาผลผลิตอ้อยของชาวไร่

ทั้งนี้ ล่าสุด สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตร ประจำกรุงปักกิ่ง (สปษ. ปักกิ่ง) รายงานว่า GACC ได้แจ้งผลการตรวจสอบความปลอดภัยอาหารในสินค้าน้ำตาลของไทย หลังจากที่ไทยส่งข้อมูลระบบควบคุมความปลอดภัยอาหารเพื่อขอปลดระงับการนำเข้า โดยจีนยังคงยืนยันหลักการเดิมว่า โรงงานผลิตสินค้าต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่มีอำนาจ (Competent Authority: CA) และต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยอาหารที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของจีน

แม้โรงงานส่วนใหญ่จะมีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ GACC พบว่ายังมีการจัดการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เช่น การจัดโซนผลิต วัตถุดิบ และสำนักงานในพื้นที่เดียวกัน จึงไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยอาหาร

จากผลการตรวจสอบดังกล่าว GACC จึงออกคำสั่ง ระงับการนำเข้าเพิ่มเติมอีก 4 พิกัดสินค้า ได้แก่

  1. 1702909090 – น้ำตาลชนิดแข็งและไซรัป เช่น คาราเมล หรือน้ำตาลที่มีฟรุกโตสมากกว่า 50%

  2. 2106906100 – น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลหัวบีตผสมกลิ่นหรือสี

  3. 2106906200 – น้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลหัวบีตรวมกับส่วนผสมอาหารอื่นที่มีน้ำตาลซูโครสมากกว่า 50%

  4. 2106909090(120) – ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นไซรัป

นอกจากนี้ GACC ยังมีคำสั่ง ระงับการยื่นขอขึ้นทะเบียนผู้ผลิตรายใหม่ของไทย ที่มีการใช้น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลผสมล่วงหน้าเป็นส่วนประกอบอีกด้วย โดยคำสั่งระงับนำเข้าครั้งใหม่นี้จะ มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ไทยสูญเสียตลาดสำคัญในจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์น้ำตาลแปรรูป และอาจกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลทั้งระบบ หากไม่สามารถหาทางออกหรือเจรจากับทางการจีนได้ในเร็ววัน.

TAGS: #น้ำตาลไทย #ส่งออกจีน #GACC #น้ำเชื่อม