บีโอไอไฟเขียว ‘โฮม่า’ ทุ่ม 3 พันล้านบาทตั้งฐานผลิตในไทย

บีโอไอไฟเขียว ‘โฮม่า’ ทุ่ม 3 พันล้านบาทตั้งฐานผลิตในไทย
บีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุน “โฮม่า” ผู้ส่งออกตู้เย็นอันดับ 1 ของจีน เดินหน้าตั้งฐานการผลิตในไทย ทุ่มงบก้อนแรก 3,000 ล้านบาท ส ชูศักยภาพฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในภูมิภาค

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผย คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนของบริษัทโฮม่า แอพไพลแอนซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตตู้เย็นและตู้แช่อันดับ 4 ของโลกและเป็นผู้ส่งออกตู้เย็นอันดับ 1 ของจีน ซึ่งได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยตั้งฐานการผลิตตู้เย็นอัจฉริยะและตู้แช่เย็นที่มีมาตรฐานการประหยัดพลังงานสหภาพยุโรป (EU Energy Label) มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี โครงการนี้จะมีการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 1,400 คนในระยะแรก และจะเพิ่มเป็นกว่า 3,000 คน ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยมีแผนใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) กว่าร้อยละ 50-60

โฮม่า (Homa) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นระดับโลก และเป็นผู้ผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจำนวนมาก เช่น Electrolux, Samsung, Sharp, Whirlpool โดยโครงการของโฮม่าที่เข้ามาลงทุนในไทยจะมีกำลังการผลิตประมาณ 1.7 ล้านเครื่องต่อปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ตู้เย็นประสิทธิภาพสูง ตู้เย็นอัจฉริยะ และตู้แช่มาตรฐานสูง เพื่อการส่งออกไปยังตลาดยุโรปเป็นหลัก จะมีมูลค่าการส่งออกจากฐานผลิตในไทยกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะทั่วโลกที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 2.6 ล้านล้านบาท ในปี 2577 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9
ต่อปี

“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาค ที่ผ่านมามีบริษัทชั้นนำจำนวนมากเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Samsung, LG, , Electrolux, Beko,Arcelik Hitachi รวมทั้งผู้ผลิตรายใหญ่จากประเทศจีน ทั้ง Midea, Haier และ Hisense โดยบริษัท Homa ถือเป็นผู้ผลิตระดับโลกรายล่าสุดและเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายที่4 จากจีนที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของไทยในการเป็นฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในภูมิภาคและความพร้อมของประเทศไทยในด้านต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชน บุคลากรที่มีคุณภาพ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ บีโอไอจะเดินหน้าทำงานร่วมกับ Homa และผู้ผลิตรายอื่นๆ ในการจับคู่ธุรกิจและเชื่อมโยงซัพพลายเชน ผลักดันการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ และสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้มีโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนระดับโลกได้มากที่สุด” นายนฤตม์ กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2565 - สิงหาคม 2568 มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ารวม 568 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท โดยผู้ผลิตรายใหญ่จากจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ทั้ง Midea, Haier และ Hisense มีการจ้างงานบุคลากรไทยรวมมากกว่า 12,000 คน
 

TAGS: #โอม่า #บีโอไอ