ม.หอการค้าฯมองทิศทางความเชื่อมั่นติดลบถูกเบรค หลังเห็นภาพชัดทีมเศรษฐกิจ เชียร์ ‘คนละครึ่ง’ ช่วยหมุนเงินในระบบส่งท้ายปีดันจีดีพีโตตามเป้า
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนสิงหาคม 2568 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 51.7 เป็น 50.1 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 32 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการสำรวจก่อนหน้าที่จะมีการฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่
การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ผลกระทบจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ ได้ลดอัตราภาษีนำเข้าลงจาก 36% มาเหลือ 19% และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และฟื้นตัวได้ช้า
“เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่หลังจากมีการตั้งนายกฯคนใหม่และเริ่มเห็นภาพทีมเศรษฐกิจ ตลอดจนนโยบายกระตุ้น อย่าง ‘คนละครึ่ง’ ทำให้ค่อนข้างเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นขาลงจะถูกเบรค หากผลงานรัฐบาลออกมาโดดเด่น ก็จะได้เห็นความเชื่อมั่นขาขึ้นนับจากนี้ไปแม้จะมีการยุบสภาก็ไม่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยยังคงเป้าหมายจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 2 %”
อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี’69 เพื่อให้เกิดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการคนละครึ่ง เงินก้อนแรก 2.5 หมื่นล้านบาท หากเริ่มโครงการได้เดือนต.ค.จะทำให้เกิดการใช้จ่ายอย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาทและถ้าใส่เงินเพิ่มลงไปอีกเท่าตัว เป็น 5 หมื่นล้านบาท ก็ยิ่งทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน 1-1.5 แสนล้านบาท