‘อรรถพล’เดิมพันความท้าทายขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน

‘อรรถพล’เดิมพันความท้าทายขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน
ส่องภารกิจเร่งด่วนที่ต้องเคลียร์ ทั้งแผน PDP -โครงการรับซื้อไฟพลังงานสะอาด  ร่างกฏหมายโซลาร์เซลล์  ดูแลราคาพลังงาน ขณะที่เดือนธ.ค.นี้ต้องเคาะผู้ชนะสัมปทานปิโตรฯรอบที่ 25

เมื่อชื่อของ ‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ เป็นหนึ่งในทีมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในรัฐบาล ‘อนุทิน’ รอรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงาน เป็นที่ถูกจับตามองว่าจะใช้ประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพ มาขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของประเทศไปในทิศทางใด ท่ามกลางกรอบความคาดหวังจากหลายๆฝ่าย

สำหรับเส้นทางของ ‘นายอรรถพล’  ถือเป็นลูกหม้อบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยแท้ เริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่ปี 2532  รวมแล้ว 35 ปี ตำแหน่งสุดท้าย คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  (CEO ) คนที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ถึง พฤษภาคม 2567

ด้านประวัติการศึกษา

ปริญญาตรี: วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมโยธา) — จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปริญญาโท: เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต — สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

Diploma of Petroleum Management จาก College of Petroleum Studies, Oxford University (ทุน British Council)

ขณะที่ผลงานสำคัญในช่วงดำรงตำแหน่ง CEO ปตท.ได้ขับเคลื่อนองค์กรผ่านวิกฤต ทั้งโควิด-19 และราคาพลังงานสูงจากสงครามรัสเซีย–ยูเครน

นอกจากนี้ยังประกาศเป้าหมาย Carbon neutrality ภายในปี 2040 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2050   โดยวางยุทธศาสตร์ “Future Energy & Beyond” มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด และ Life Science ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 15% ภายในปี 2573 และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง LNG ของภูมิภาค และลงทุนในพลังงานหมุนเวียน

อย่างไรก็ตามการได้รับการทาบทามให้มาเป็นรัฐมนตรีพลังงานครั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามีเรื่องท้าทายที่ต้องดำเนินการโดยเฉพาะงานค้างที่ต้องการให้ฝ่ายนโยบายขับเคลื่อน ซึ่งแต่ละเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคเท่านั้น ยังพัวพันกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชนด้วย

อย่างกรณีโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (3,668.5 เมกะวัตต์) หลังถูกสั่งให้ชะลอและถูกตั้งคำถามเรื่องกระบวนการคัดเลือกและความโปร่งใส ทำให้การลงนามสัญญาและการเดินหน้าโครงการลากยาวออกไป สร้างความไม่แน่นอนต่อนักลงทุนและอาจส่งผลต่อราคาพลังงานในระยะยาว ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจาทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าให้เหมาะสม  

นอกจากนี้ยังต้องเร่งเดินหน้าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งล่าช้ามากกว่า 3 ปี  ซึ่ง PDP เวอร์ชันล่าสุดมีทิศทางชัดเจนขึ้นในเรื่องการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน แต่การแปลงตัวเลขเป้าหมายให้กลายเป็นการจัดซื้อ การลงทุน และการวางเครือข่ายไฟฟ้าที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ (เช่น สตอเรจ ไฮโดรเจน หรือ SMR) ต้องอาศัยการประสานข้ามหน่วยงานและการกำหนดนโยบายเชิงปฏิบัติจริง

ทั้งนี้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ครั้งล่าสุดเพิ่งอนุมัติให้มีคณะกรรมการพยากรณ์และจัดทําแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศชุดใหม่  มีนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกรรมการ ซึ่งมีการปรับโครงสร้างกรรมการให้เหมาะสม เพื่อที่จะมาพิจารณาแผน PDP ให้แล้วเสร็จ  

ขณะเดียวกันก็ยังมีร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop Bill)เพื่อลดขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา และอำนวยความสะดวกให้ครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งกระบวนการร่างกฎหมายอยู่ระหว่างเปิดรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย รวมไปถึงมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปถึงการปฏิบัติ หลังคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานและติดตั้งโซลาร์ เช่น การนำไปหักลดหย่อนค่าลงทุนพิเศษ, สิทธิหักลดหย่อนสำหรับการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา ฯลฯ

ด้านการดูแลราคาพลังงงานก็เป็นเรื่องที่สำคัญทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม  ก๊าซธรรมชาติ ให้มีเสถียรภาพ เชื่อมโยงกับบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน  

นี่เป็นงานเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการดำเนินงาน ยังไม่รวมถึงยุทธศาสตร์การหาแหล่งพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมบนบกรอบที่ 25  ซึ่งตามกระบวนการมีกำหนดต้องคัดเลือกให้เสร็จภายในเดือนธ.ค. 2568 

อย่างไรก็ดีความท้าทายของนายอรรถพล คือ การตัดสินใจนโยบายด้านพลังงานที่สำคัญด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส ถือเป็นพื้นที่สำหรับแสดงฝีมือ  หากสามารถวางกรอบเวลา กระบวนการอย่างเป็นระบบได้ ว่าที่รัฐมนตรีป้ายแดงคนนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจจากภาคเอกชนให้เห็นเป็นรูปธรรมได้จริง

 

TAGS: #PDP #ซื้อไฟพลังงานสะอาด #โซลาร์เซลล์  #สัมปทานปิโตรฯรอบที่ #25