ไทยเจรจาสำเร็จ! ลดภาษีส่งออกไปสหรัฐจาก 36% เหลือ 19% ดันศักยภาพแข่งขันสินค้าไทย ฟื้นความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ คนไทยกว่า 74% มองเป็น “ข่าวดีครั้งใหญ่”
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอน ประเทศไทยกลับสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนแห่งความหวังได้อีกครั้ง ภายใต้การนำของรัฐบาลพรรค
เพื่อไทยโดยมีนายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล มีศักยภาพในการเจรจาต่อรอง
กับชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จนสามารถลดอัตราภาษีส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐอเมริกาลงมาอยู่ที่ 19% จากเดิมที่สหรัฐเรียกเก็บจากไทยสูงถึง
36% ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน ส่งเสริมความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และเปิดทางสู่โอกาสด้านเศรษฐกิจใหม่ๆ
สำนักข่าวรอบเตอร์รายงานว่า ประเทศในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยแสดงความยินดีที่สหรัฐ กำหนดอัตราภาษีที่ 19% ซึ่งน้อยกว่าค่าอัตราที่เคยคาดไว้
และยังระบุด้วยว่า ผลการเจรจาดังกล่าวทำให้ไทยได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2025 จาก 2.1% เป็น 2.2% ด้านสำนักข่าวเอพี(AP)
รายงานว่า หลายประเทศได้ผลลัพธ์ภาษีที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไทยสามารถลดภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนายพิชัย กล่าวว่า เป็นการสะท้อนถึงมิตรภาพและ
ความใกล้ชิดระดับสูงระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ขณะที่เอเอฟพี(AFP)รายงานว่า ไทยได้ต้อนรับผลสัมฤทธิ์ของอัตราภาษี 19% ว่าเป็น “major success”
หรือ “ความสำเร็จครั้งใหญ่”
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ชัยชนะในการเจรจาระดับระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายต่างแสดงความกังวลว่า อัตราภาษีที่สูงของสหรัฐฯ จะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อผู้ส่งออกไทย ท่ามกลางคู่แข่งจากทั่วโลก
ที่ต่างก็เร่งขับเคี่ยวแย่งชิงพื้นที่ในตลาดอเมริกา แต่เมื่อผลการเจรจาเปิดเผยออกมากลับกลายเป็นข่าวดีของคนไทยทั้งประเทศ เพราะก่อนหน้านั้นแทบไม่มีใครอยาก
จะเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
ยืนยันได้จากผลสำเร็จของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง เปิดใจประชาชน จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขา
อาชีพทั่วประเทศพบว่าประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจและพึงพอใจกับเหตุการณ์ที่มีผลเชิงบวกต่อประเทศ ทั้งในด้านความสำเร็จทางเศรษฐกิจ การสร้างชื่อ
เสียงในเวทีโลก และการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ซึ่งอันดับสูงสุดคือความสำเร็จของทีมเศรษฐกิจไทยที่นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร ในการเจรจาภาษีกับสหรัฐ
อเมริกา ได้รับการยอมรับจากร้อยละ 74.5 ของตัวอย่างว่าเป็นข่าวดีที่สร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย
ซึ่งภายใต้ความกดดันของสถานการณ์และเวลา นายพิชัยเลือกใช้กลยุทธ์เชิงรุกผสานข้อมูลเชิงลึกทางเศรษฐกิจและความเข้าใจในบริบทการค้าระหว่างประเทศ
พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ส่งสารถึงรัฐบาลสหรัฐอย่างมีชั้นเชิงและในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
สิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง คือการที่นายพิชัยไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มีความรู้ความเข้าใจในระบบงบประมาณ แต่ยังมีความสามารถในการเจรจากับ
ชาติมหาอำนาจที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้
การลดภาษีในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มยอดขายสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง (SMEs) ได้เข้า
ถึงตลาดสหรัฐอย่างเป็นธรรมและแข่งขันได้จริงซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการทำงานเป็น
ทีมของรัฐบาลที่มีเป้าหมายชัดเจน กล้าตัดสินใจและไม่กลัวต่อแรงกดดันระดับโลก ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของการค้าระหว่าง
ประเทศในฐานะเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ผลลัพธ์ของการเจรจาครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เพียงตัวเลข 19% ที่ดูเหมือนลดลงเท่านั้น แต่มันคือสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่เกิดจากมันสมองของทีมเจรจาไทย
ทำให้สินค้าของไทยมีอัตราภาษีใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งช่วยรักษา
ขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าได้ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีเสถียรภาพในระยะยาว