เตือนรัฐบาลเร่งใช้งบ 1.57 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นกำลังซื้อ เชียร์ปัดฝุ่น’คนละครึ่ง’ ห่วงไตรมาส 3 ไร้เครื่องมือพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่ท่องเที่ยวต้องแก้ปมร้อนโซเชียลเรื่องความปลอดภัย
ร.ศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 55.4 เป็น 54.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 27 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 และรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้นโนบายการเงินผ่อนคลายจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว 2 ครั้งรวม 0.5% โดยแต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าและการเข้าถึงสินเชื่อลำบาก
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 48.1 51.9 และ 62.7 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนเมษายน ที่อยู่ในระดับ 49.3 53.0 และ 63.9 ตามลำดับ
การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 39.8 เป็น 38.8 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 62.9 มาอยู่ที่ระดับ 61.7 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แสดงว่า ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นของบริโภคลดลงได้ในอนาคตหากสงครามการค้ารุนแรงขึ้นและเศรษฐกิจไม่สามารถจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ร.ศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า ดัชนีเชื่อมั่นฯอยู่ในช่วงขาลงจากปัจจจัยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและยังไม่เห็นความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะงบ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องรีบใช้เงินให้เร็วเพื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ และการจ้างงาน ไม่เช่นนั้นจะขาดเครื่องมือดูแลเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส3 เพราะส่งออกอาจไม่ขยายตัวเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ หลังหมดเวลาในการเลื่อนการบังคับภาษีสหรัฐและยังไม่เห็นความชัดเจนของการเจรจาในแต่ละประเทศ ขณะที่ท่องเที่ยวต้องพยายามไม่ให้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 35 ล้านคน โดยเฉพาะฟื้นนักท่องเที่ยวตลาดจีนกลับมาให้ได้
“สิ่งที่ต้องเร่งตอนนี้คือรีบใช้งบ 1.57 แสนล้านบาทให้ทั่วประเทศ เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ควรมีมาตรกรเติมกำลังซื้อให้ประชาชน ซึ่งรัฐได้ใช้มาตรการเที่ยวคนละครึ่งแล้ว มาตรการคนละครึ่งก็เป็นนโยบายที่ทำให้เกิดกระตุ้นเร็ว รวมถึงการดูแลเยียวยาผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐ”