MG ปักหมุดไทย โรงงานแบตเตอรีรถ EV ย้ำยุทธศาสตร์จีน ONE BELT ONE ROAD เชื่อมเศรษฐกิจนานาประเทศ

MG ปักหมุดไทย โรงงานแบตเตอรีรถ EV ย้ำยุทธศาสตร์จีน ONE BELT ONE ROAD เชื่อมเศรษฐกิจนานาประเทศ
เอสเอไอซี มอเตอร์- ซีพี-เอ็มจี เซลส์ ร่วมพาร์ทเนอร์ จัดงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ปักหมุด EEC ไทยฐานผลิตโรงงานแบตเตอรี่ รับการผลิตรถอีวีในอนาคต พร้อมส่งออกระดับภูมิภาค

มร. จ้าว เฟิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่าภายใต้ยุทธศาสตร์ ONE BELT ONE ROAD จากจีน ด้วยเป้าหมายหลัก คือการสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างจีน กับประเทศต่างๆ รวมถึงนโยบายการสนับสนุนการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในโครงการที่สำคัญในการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของไทย คือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC (Eastern Economic Corridor) ของไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของไทยเทียบชั้นอุตสาหกรรมระดับโลก

อีกทั้งยังถือเป็นการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญ ทำให้ SAIC MOTOR CORPORATION และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้จับมือกันร่วมก่อตั้ง บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เพื่อผลิตรถยนต์แบรนด์ เอ็มจี ในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุน จากหน่วยงานทุกภาคส่วนของประเทศ พื่อนำรถยนต์แบรนด์เอ็มจี เป็นหนึ่งในตัวเลือกของลูกค้าชาวไทย ปัจจุบันมีรถยนต์เอ็มจี วิ่งในท้องถนนแล้วกว่า 180,000 คัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นอกจากผลิตรถยนต์เอ็มจี และจำหน่ายภายในประเทศไทย ยังได้ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี ปัจจุบันพื้นที่ได้ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้แล้วกว่า 300 ไร่

ประกอบด้วย โรงงานประกอบตัวถัง (General Assembly Shop) โรงงานพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop) โรงผลิตตัวถัง (Body Shop) ซึ่งไลน์ผลิตทั้งหมดประกอบไปด้วยเทคโนโลยีการติดตั้งหุ่นยนต์สำหรับใช้ในสายการผลิต โดยนอกจากไลน์การผลิตแล้วภายในพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจี ทุกรุ่น

ขณะที่พื้นที่อีก 137.5 ไร่ที่เหลือ ในช่วงแรกจะถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK โดยได้รับการสนับสนุนจาก SAIC MOTOR CORPORATION และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยสถานที่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 75 ไร่ เพื่อให้ชิ้นส่วนหลักของรถยนต์ไฟฟ้าจาก เอ็มจี สามารถผลิตในประเทศ  เพื่อเปิดศักราชใหม่ของ SAIC-CP 2.0 ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 75 ไร่ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ประกอบไปด้วย อาคารโรงงานสำหรับการพัฒนาชิ้นส่วนโมดูลแบตเตอรี่ รวมถึงไลน์การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ เอ็มจี และพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนสำหรับการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ทเนอร์บริษัทชั้นนำ

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มลานจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่ง

โดยพื้นที่ฯ  NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK แบ่งเป็น 3 ระยะการก่อสร้าง โครงการระยะแรกตั้งเป้าแล้วเสร็จพร้อมใช้งานภายในเดือนตุลาคม 2566 โดยมีมูลค่าการลงทุนสำหรับโครงการระยะแรกมากกว่า 500 ล้านบาท