‘พิชัย’เตรียมบินสหรัฐฯสัปดาห์หน้าเจรจาลดดุลการค้า พร้อมนำเข้า LNG เพิ่มอีก 1 ล้านตันมูลค่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มปี’69 รองรับการใช้ในประเทศและส่งออกในภูมิภาค

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแนวทางดำเนินการของไทย ต่อกรณีนโยบายการค้าของสหรัฐ ว่า ในส่วนของนโยบายด้านพลังงานจากการหารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  มีแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีก 1 ล้านตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่าราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะนำมาทดแทนในส่วนของสัญญาซื้อขายที่จะหมดจากแหล่งอื่น ๆ

ปัจจุบันไทยมีการทำสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG จากสหรัฐฯ อยู่แล้วปีละ 1 ล้านตัน มูลค่าปีละ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเวลา 15 ปี  โดยแต่ละปีมีปริมาณนำเข้าก๊าซ LNG ค่อนข้างมาก เฉลี่ยปีละกว่า 10 ล้านตัน ซึ่งเป็นการจัดหาจากหลายแหล่ง เช่น ตะวันออกกลาง โดยในระยะยาวไทยยังมีความต้องการนำเข้าเพิ่มเติมอีก  ดังนั้นเป็นโอกาสดีที่จะมาพิจารณาการนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มเติม

“การนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะเริ่มจัดส่งได้ในปี 2569 โดยมีแผนใหม่จากสัญญาซื้อขายที่กำลังจะหมดลง ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องที่จะนำไปหารือกับทางสหรัฐ เพื่อเป็นการคอนเฟิร์มว่าไทยจะซื้อ LNG จากสหรัฐแน่นอน ซึ่งการนำเข้าทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับแผนงานของ ปตท. อยู่แล้วด้วย โดยคาดว่าจะมีข้อดีในแง่ของต้นทุนราคา” นายพิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากมีการนำเข้าก๊าซ LNG จำนวนมาก และเพียงพอใช้ภายในประเทศแล้ว อาจจะนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อให้กับประเทศในภูมิภาคใกล้เคียง  เนื่องจาก ปตท. มีความพร้อมของพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก และสามารถนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อได้ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าก๊าซธรรมชาติจะยังเป็นเชื้อเพลิงหลักของโลกต่อไปอีก 30 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงมองว่าไทยจะสามารถดำเนินการนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐฯ เพิ่มเติมได้

นอกจากนี้จะมีการหารือถึงแผนการที่ไทยจะนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐ ปริมาณ 4 แสนตัน มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลา 4 ปี ถือเป็นการซื้อขายระยะยาว ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นความจำเป็นสำหรับประเทศไทย เนื่องจากก๊าซอีเทน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปิโตรเคมี และถือเป็นต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าการใช้น้ำมันดิบ แม้ปัจจุบันจะสามารถผลิตได้ในอ่าวไทย แต่ก็ไม่ค่อยเพียงพอแล้ว

ด้านการนำเข้าสินค้าเกษตร ยืนยันว่า รัฐบาลจะพิจารณานำเข้าในส่วนที่ไม่กระทบกับเกษตรกรไทย โดยเฉพาะข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันไทยต้องมีการนำเข้าปีละ 4 ล้านกว่าตัน ขณะที่สหรัฐ ถือว่าเป็นผู้ผลิตหลัก ทำให้จะมีต้นทุนที่ถูกกว่าการนำเข้าจากแหล่งอื่น โดยเป้าหมายคือการนำเข้ามาแปรรูปเพื่อส่งออก เช่น อาหารสัตว์ ที่ประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดที่ดี

สำหรับกำหนดการเดินทางไปสหรัฐฯเพื่อร่วมเจรจากับผู้แทนการค้าจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า โดยเบื้องต้นจะมีส่วนราชการที่ร่วมคณะคือ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต่างประเทศ