SHR ในเครือสิงห์ เอสเตท แผนปี66 เปิดโรงแรมเพิ่มในมัลดีฟส์ รับอุตฯท่องเที่ยวโลกฟื้นเจาะนักเดินทางจีน

SHR ในเครือสิงห์ เอสเตท แผนปี66 เปิดโรงแรมเพิ่มในมัลดีฟส์ รับอุตฯท่องเที่ยวโลกฟื้นเจาะนักเดินทางจีน
SHR แผนปี2566 รับภาคการท่องเที่ยวหวนคืนกลับรับตลาดจีนเปิดประเทศ เร่งเปิดโรงแรมแห่งที่ 3 ในมัลดีฟส์ พร้อมวางแนวทางสร้างแบรนด์แกร่งต่อเนื่องดันรายได้ปีนี้แตะ หมื่นล.บาท

เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่าการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 จากภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางของประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2562

โดยส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ SHR อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนครองส่วนแบ่งตลาดในโรงแรมมัลดีฟส์และประเทศไทยประมาณ 20% และ 10% ตามลำดับ รวมไปถึงน การเปิดตัวโครงการใหม่ในปีของ SHR จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการผลักดัน ผลประกอบการของบริษัทในปีต่อๆ ไป ให้เติบโตขึ้น

“SHR ได้พัฒนารีสอร์ทแห่งที่ 3 ของโครงการ CROSSROADS ซึ่งคืบหน้าไปตามแผนการและพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566 โดยโรงแรม SO/ Maldives ถือเป็นอัญมณีล่าสุดแห่งมงกุฎการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ที่จะยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในหมู่เกาะ และเติมเต็มตลาดลักซ์ชัวรี่ให้กับโครงการ CROSSROADS” เดิร์ก กล่าว  

นอกจากนี้ บริษัทฯยัง ได้วางกลยุทธ์ธุรกิจในปี 2566 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรให้กับสินทรัพย์อย่างสูงสุด โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ขึ้น 20% ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทฯ เพื่อโอกาสในการขยายการลงทุนผ่านการเข้าซื้อและเข้าบริหารจัดการสินทรัพย์ใหม่ในอนาคตและการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว 

สำหรับผลดำเนินธุรกิจในปี 2565 ของ SHR มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 8,693 ล้านบาท เติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการเติบโตของผลประกอบการของโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเติบโตขึ้นทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ และจากผลประกอบการโดดเด่นในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์ และพอร์ตโรงแรมสหราชอาณาจักร ที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในปี 2565

โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างแบบเฉพาะตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม หนุนให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy rate) เติบโตสู่ 66% พร้อมปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ได้เพิ่มขึ้นกว่า 28% จากปีก่อนหน้า สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานโครงการมา

ทั้งนี้ จากการมุ่งเน้นปรับกลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพ ร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพักอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองกระแสนิยมในการท่องเที่ยว และสำหรับกลุ่มโรงแรมสหราชอาณาจักรสามารถเพิ่ม Occupancy rate ได้ 10% และ ADR เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2564 ทำให้มีรายได้ต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) ที่ 48 ปอนด์ ฟื้นตัวขึ้นไปสูงกว่าปี 2562 ซึ่งถือเป็นปีก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันยังมีผลประกอบการที่ดีกว่าคาดการณ์ของโรงแรมในพอร์ต Outrigger สอดคล้องกับ Pent up Demand ระดับสูง ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 64% พร้อมปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันได้เพิ่มขึ้น 48% จากปี 2564 ส่งผลให้รายได้และกำไรจากผลการดำเนินงานของพอร์ตโรงแรม Outrigger เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนเกิดโควิด-19

ส่วนพอร์ตโรงแรมในประเทศไทย เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ Occupancy rate ฟื้นตัวมาที่ 57% และจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมไปถึงผลตอบรับที่ดีในการปรับใช้แนวคิดแบรนด์ทราย (SAii) มาสู่โรงแรมที่บริษัทฯ บริหารงานเอง ส่งผลให้ ADR ปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 67% จากปีก่อนหน้า

นายเดิร์ก กล่าวปิดท้ายว่า “ต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 นี้ คาดจะผลักดันรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ในการบริหาร RevPAR ที่มีประสิทธิภาพ ต่อยอดด้วยการเข้าลงทุนใหม่ และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง โดยการปั้นแบรนด์ SAii ควบคู่ไปกับการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจจะมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำที่สามารถสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนได้”

 

 

 

TAGS: #SHR #สิงห์เอสเตท #ท่องเที่ยวปี66